question
stringlengths 10
751
| answer
stringlengths 3
12.6k
| relevant_laws
listlengths 1
1
| reference_answer
stringlengths 2
1.9k
| reference_laws
listlengths 0
51
|
|---|---|---|---|---|
หากลูกหนี้ไม่ชำระหนี้ตามสัญญา นายหน้าจะต้องรับผิดแทนลูกหนี้หรือไม่อย่างไร
|
นายหน้าไม่ต้องรับผิดชำระหนี้แทนลูกหนี้ เว้นแต่นายหน้าจะไม่ได้บอกชื่อของลูกหนี้ที่แท้จริงให้เจ้าหนี้ที่เป็นคู่สัญญาอีกฝ่ายนั้นทราบ
|
[
{
"law_name": "ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์",
"section_content": "ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 848\nตัวนายหน้าไม่ต้องรับผิดไปถึงการชำระหนี้ตามสัญญาซึ่งได้ทำต่อกันเพราะตนเป็นสื่อ เว้นแต่จะมิได้บอกชื่อของฝ่ายหนึ่งให้รู้ถึงอีกฝ่ายหนึ่ง",
"section_num": "848"
}
] |
นายหน้าไม่ต้องรับผิดชำระหนี้แทนลูกหนี้ เว้นแต่นายหน้าจะไม่ได้บอกชื่อของลูกหนี้ที่แท้จริงให้เจ้าหนี้ที่เป็นคู่สัญญาอีกฝ่ายนั้นทราบ.
|
[] |
หากทำสัญญาซื้อรถยนต์จากผู้เยาว์จะมีผลอย่างไรตามกฎหมาย
|
ไม่มีผลผูกพันผู้เยาว์ เนื่องจากการทำสัญญาซื้อรถยนต์ดังกล่าวมีผู้เยาว์เป็นผู้รับการแสดงเจตนา ดังนั้น คู่สัญญาที่เป็นผู้ซื้อรถยนต์จากผู้เยาว์จะยกการแสดงเจตนาที่ซื้อขายรถยนต์ขึ้นต่อสู้ผู้เยาว์ไม่ได้ เว้นแต่ บิดามารดาซึ่งถือเป็นผู้แทนโดยชอบธรรมนั้นได้ให้ความยินยอมไว้ก่อนแล้ว และการซื้อขายรถดังกล่าวไม่ใช่การที่ผู้เยาวต์จะสามารถกระทำได้เองโดยลำพัง
|
[
{
"law_name": "ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์",
"section_content": "ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 170\nการแสดงเจตนาซึ่งกระทำต่อผู้เยาว์หรือผู้ที่ศาลสั่งให้เป็นคนไร้ความสามารถหรือคนเสมือนไร้ความสามารถ จะยกขึ้นเป็นข้อต่อสู้ผู้รับการแสดงเจตนาไม่ได้ เว้นแต่ผู้แทนโดยชอบธรรม ผู้อนุบาล หรือผู้พิทักษ์ แล้วแต่กรณี ของผู้รับการแสดงเจตนานั้นได้รู้ด้วย หรือได้ให้ความยินยอมไว้ก่อนแล้ว\nความในวรรคหนึ่งมิให้ใช้บังคับ ถ้าการแสดงเจตนานั้นเกี่ยวกับการที่กฎหมายบัญญัติให้ผู้เยาว์หรือคนเสมือนไร้ความสามารถกระทำได้เองโดยลำพัง",
"section_num": "170"
}
] |
ไม่มีผลผูกพันผู้เยาว์ เนื่องจากการทำสัญญาซื้อรถยนต์ดังกล่าวมีผู้เยาว์เป็นผู้รับการแสดงเจตนา ดังนั้น คู่สัญญาที่เป็นผู้ซื้อรถยนต์จากผู้เยาว์จะยกการแสดงเจตนาที่ซื้อขายรถยนต์ขึ้นต่อสู้ผู้เยาว์ไม่ได้ เว้นแต่ บิดามารดาซึ่งถือเป็นผู้แทนโดยชอบธรรมนั้นได้ให้ความยินยอมไว้ก่อนแล้ว และการซื้อขายรถดังกล่าวไม่ใช่การที่ผู้เยาวต์จะสามารถกระทำได้เองโดยลำพัง.
|
[] |
คู่สัญญาในตั๋วเงินสามารถมีข้อตกลงที่จะยอมผ่อนผันเวลาให้แก่ผู้จ่ายในการใช้เงินตามตั๋วเงินได้หรือไม่
|
ไม่ได้ เนื่องจากมีกฎหมายกำหนดห้ามไม่ให้มีการผ่อนเวลาในการใช้เงินตามตั๋วเงิน
|
[
{
"law_name": "ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์",
"section_content": "ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 903\nในการใช้เงินตามตั๋วเงิน ท่านมิให้ให้วันผ่อน",
"section_num": "903"
}
] |
ไม่ได้ เนื่องจากมีกฎหมายกำหนดห้ามไม่ให้มีการผ่อนเวลาในการใช้เงินตามตั๋วเงิน
|
[] |
ข้อผูกพันระหว่างผู้ถือหน่วยลงทุนกับบริษัทหลักทรัพย์ต้องมีรายละเอียดขั้นต่ำอะไรบ้าง
|
ข้อผูกพันระหว่างผู้ถือหน่วยลงทุนกับบริษัทหลักทรัพย์ที่เกี่ยวกับการจัดการกองทุนรวมอย่างน้อยต้องมีสาระสำคัญ ดังต่อไปนี้ 1. อำนาจหน้าที่และความรับผิดชอบของบริษัทหลักทรัพย์ 2. การแต่งตั้ง เงื่อนไขการเปลี่ยนตัว และค่าตอบแทนของผู้ดูแลผลประโยชน์ของกองทุนรวม 3. อัตรา และวิธีการจ่ายค่าตอบแทนและบำเหน็จในการจัดการกองทุนรวม 4. สิทธิของผู้ถือหน่วยลงทุน 5. เหตุในการเลิกกองทุนรวม 6. รายการอื่นตามที่คณะกรรมการกำกับตลาดทุนประกาศกำหนด
|
[
{
"law_name": "พระราชบัญญัติหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ พ.ศ. 2535",
"section_content": "พระราชบัญญัติหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ พ.ศ. 2535 มาตรา 119 ข้อผูกพันระหว่างผู้ถือหน่วยลงทุนกับบริษัทหลักทรัพย์อย่างน้อยต้องมีสาระสำคัญ ดังต่อไปนี้\n(1) อำนาจหน้าที่และความรับผิดชอบของบริษัทหลักทรัพย์\n(2) การแต่งตั้ง เงื่อนไขการเปลี่ยนตัวและค่าตอบแทนของผู้ดูแลผลประโยชน์ของกองทุนรวม\n(3) อัตรา และวิธีการจ่ายค่าตอบแทนและบำเหน็จในการจัดการกองทุนรวม\n(4) สิทธิของผู้ถือหน่วยลงทุน\n(5) การเลิกกองทุนรวมไม่ว่าเพราะเหตุครบกำหนดอายุของโครงการจัดการกองทุนรวมหรือเพราะเหตุอื่นใด\n(6) รายการอื่นตามที่คณะกรรมการกำกับตลาดทุนประกาศกำหนด",
"section_num": "119"
}
] |
ข้อผูกพันระหว่างผู้ถือหน่วยลงทุนกับบริษัทหลักทรัพย์ที่เกี่ยวกับการจัดการกองทุนรวมอย่างน้อยต้องมีสาระสำคัญ ดังต่อไปนี้ 1. อำนาจหน้าที่และความรับผิดชอบของบริษัทหลักทรัพย์ 2. การแต่งตั้ง เงื่อนไขการเปลี่ยนตัว และค่าตอบแทนของผู้ดูแลผลประโยชน์ของกองทุนรวม 3. อัตรา และวิธีการจ่ายค่าตอบแทนและบำเหน็จในการจัดการกองทุนรวม 4. สิทธิของผู้ถือหน่วยลงทุน 5. เหตุในการเลิกกองทุนรวม 6. รายการอื่นตามที่คณะกรรมการกำกับตลาดทุนประกาศกำหนด
|
[] |
ใครเป็นผู้แต่งตั้งอุปนายกสภาวิชาชีพบัญชี
|
นายกสภาวิชาชีพบัญชี
|
[
{
"law_name": "พระราชบัญญัติวิชาชีพบัญชี พ.ศ. 2547",
"section_content": "พระราชบัญญัติวิชาชีพบัญชี พ.ศ. 2547 มาตรา 25 ให้นายกสภาวิชาชีพบัญชีเลือกกรรมการเพื่อแต่งตั้งให้ดำรงตำแหน่งอุปนายกตามจำนวนที่คณะกรรมการสภาวิชาชีพบัญชีกำหนด ตำแหน่งเลขาธิการ เหรัญญิก และนายทะเบียน ตำแหน่งละหนึ่งคน และตำแหน่งอื่นตามที่คณะกรรมการสภาวิชาชีพบัญชีกำหนดตามความจำเป็น\nการปฏิบัติหน้าที่ อำนาจหน้าที่ และการพ้นจากตำแหน่งของผู้ดำรงตำแหน่งตามวรรคหนึ่ง ให้เป็นไปตามข้อบังคับสภาวิชาชีพบัญชี",
"section_num": "25"
}
] |
นายกสภาวิชาชีพบัญชี
|
[] |
ผู้เยาว์สามารถซื้อรถยนต์ได้หรือไม่อย่างไร
|
ได้ เมื่อผู้เยาว์นั้นได้รับความยินยอมจากผู้แทนโดยชอบธรรมแล้วเท่านั้น โดยผู้เยาว์สามารถทำการอย่างใดก็ได้โดยลำพังเฉพาะในเรื่องที่เหมาะสมกับฐานะในการเป็นผู้เยาว์เท่านั้น
|
[
{
"law_name": "ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์",
"section_content": "ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 24\nผู้เยาว์อาจทำการใด ๆ ได้ทั้งสิ้น ซึ่งเป็นการสมแก่ฐานานุรูปแห่งตนและเป็นการอันจำเป็นในการดำรงชีพตามสมควร",
"section_num": "24"
}
] |
ได้ เมื่อผู้เยาว์นั้นได้รับความยินยอมจากผู้แทนโดยชอบธรรมแล้วเท่านั้น โดยผู้เยาว์สามารถทำการอย่างใดก็ได้โดยลำพังเฉพาะในเรื่องที่เหมาะสมกับฐานะในการเป็นผู้เยาว์เท่านั้น.
|
[] |
ในการจัดตั้งศูนย์ซื้อขายสัญญาซื้อขายล่วงหน้าจะต้องมีคุณสมบัติหรือไม่อย่างไร
|
การประกอบกิจการจัดตั้งเป็นศูนย์ซื้อขายสัญญาซื้อขายล่วงหน้านั้นจะต้องมีคุณสมบัติ ดังนี้ 1. ต้องมีแหล่งเงินทุนที่เพียงพอสำหรับรองรับการประกอบกิจการและความเสี่ยงในด้านต่าง ๆ 2. มีระบบการชำระหนี้ตามสัญญาซื้อขายล่วงหน้าโดยสำนักหักบัญชีสัญญาซื้อขายล่วงหน้าที่ดำเนินการโดยศูนย์ซื้อขายสัญญาซื้อขายล่วงหน้าเองหรือโดยบุคคลอื่น 3. มีมาตรการส่งเสริมและรักษามาตรฐานในเรื่องความมั่นคง ความน่าเชื่อถือ รวมถึงความเป็นธรรมในการซื้อขายสัญญาซื้อขายล่วงหน้า 4. มีระบบการบันทึกและเผยแพร่ข้อมูลเกี่ยวกับการเสนอราคาและการซื้อขายสัญญาซื้อขายล่วงหน้าอย่างมีประสิทธิภาพ 5. มีมาตรการรองรับเมื่อเกิดกรณีฉุกเฉินที่อาจมีผลกระทบต่อการซื้อขายหรือการชำระหนี้ตามสัญญาซื้อขายล่วงหน้า 6. มีระบบการจัดการที่มีประสิทธิภาพเกี่ยวกับข้อร้องเรียนหรือข้อพิพาทที่เกิดขึ้นเกี่ยวกับการซื้อขายสัญญาซื้อขายล่วงหน้าหรือเกิดจากการใช้บริการที่จัดโดยศูนย์ซื้อขายสัญญาซื้อขายล่วงหน้า 7. มีหลักเกณฑ์ในการรับสมาชิกโดยคำนึงถึงความเหมาะสมและสถานภาพของผู้ที่จะเป็นสมาชิก และ 8. มีกฎเกณฑ์ที่ใช้บังคับกับสมาชิก และต้องมีมาตรการกำกับดูแลให้สมาชิกและผู้ปฏิบัติงานให้กับสมาชิกปฏิบัติตามกฎเกณฑ์และจรรยาบรรณในการประกอบธุรกิจสัญญาซื้อขายล่วงหน้า
|
[
{
"law_name": "พระราชบัญญัติสัญญาซื้อขายล่วงหน้า พ.ศ. 2546",
"section_content": "พระราชบัญญัติสัญญาซื้อขายล่วงหน้า พ.ศ. 2546 มาตรา 57 ศูนย์ซื้อขายสัญญาซื้อขายล่วงหน้าต้อง\n(1) มีแหล่งเงินทุนที่เพียงพอสำหรับรองรับการประกอบกิจการและความเสี่ยงในด้านต่าง ๆ ที่อาจเกิดจากการประกอบการเป็นศูนย์ซื้อขายสัญญาซื้อขายล่วงหน้า\n(2) มีระบบการชำระหนี้ตามสัญญาซื้อขายล่วงหน้าโดยสำนักหักบัญชีสัญญาซื้อขายล่วงหน้าที่ดำเนินการโดยศูนย์ซื้อขายสัญญาซื้อขายล่วงหน้าเองหรือโดยบุคคลอื่น\n(3) มีมาตรการเพื่อส่งเสริมและรักษามาตรฐานในเรื่องความมั่นคง ความน่าเชื่อถือ ตลอดจนความเป็นธรรมในการซื้อขายสัญญาซื้อขายล่วงหน้า\n(4) มีระบบการบันทึกและเผยแพร่ข้อมูลเกี่ยวกับการเสนอราคาและการซื้อขายสัญญาซื้อขายล่วงหน้าอย่างมีประสิทธิภาพ\n(5) มีมาตรการรองรับเมื่อเกิดกรณีฉุกเฉินที่อาจมีผลกระทบต่อการซื้อขายสัญญาซื้อขายล่วงหน้าหรือการชำระหนี้ตามสัญญาซื้อขายล่วงหน้า\n(6) มีระบบการจัดการที่มีประสิทธิภาพเกี่ยวกับข้อร้องเรียนหรือข้อพิพาทที่เกิดขึ้นเกี่ยวกับการซื้อขายสัญญาซื้อขายล่วงหน้าในศูนย์ซื้อขายสัญญาซื้อขายล่วงหน้าหรือเกิดจากการใช้บริการที่จัดโดยศูนย์ซื้อขายสัญญาซื้อขายล่วงหน้า\n(7) มีหลักเกณฑ์ในการรับสมาชิก โดยการกำหนดหลักเกณฑ์ดังกล่าวต้องคำนึงถึงความเหมาะสมและสถานภาพของผู้ซึ่งจะเป็นสมาชิก และ\n(8) มีกฎเกณฑ์ที่ใช้บังคับกับสมาชิกและต้องมีมาตรการกำกับดูแลให้สมาชิกและผู้ปฏิบัติงานให้กับสมาชิกปฏิบัติตามกฎเกณฑ์และจรรยาบรรณในการประกอบธุรกิจสัญญาซื้อขายล่วงหน้า",
"section_num": "57"
}
] |
การประกอบกิจการจัดตั้งเป็นศูนย์ซื้อขายสัญญาซื้อขายล่วงหน้านั้นจะต้องมีคุณสมบัติ ดังนี้ 1. ต้องมีแหล่งเงินทุนที่เพียงพอสำหรับรองรับการประกอบกิจการและความเสี่ยงในด้านต่าง ๆ 2. มีระบบการชำระหนี้ตามสัญญาซื้อขายล่วงหน้าโดยสำนักหักบัญชีสัญญาซื้อขายล่วงหน้าที่ดำเนินการโดยศูนย์ซื้อขายสัญญาซื้อขายล่วงหน้าเองหรือโดยบุคคลอื่น 3. มีมาตรการส่งเสริมและรักษามาตรฐานในเรื่องความมั่นคง ความน่าเชื่อถือ รวมถึงความเป็นธรรมในการซื้อขายสัญญาซื้อขายล่วงหน้า 4. มีระบบการบันทึกและเผยแพร่ข้อมูลเกี่ยวกับการเสนอราคาและการซื้อขายสัญญาซื้อขายล่วงหน้าอย่างมีประสิทธิภาพ 5. มีมาตรการรองรับเมื่อเกิดกรณีฉุกเฉินที่อาจมีผลกระทบต่อการซื้อขายหรือการชำระหนี้ตามสัญญาซื้อขายล่วงหน้า 6. มีระบบการจัดการที่มีประสิทธิภาพเกี่ยวกับข้อร้องเรียนหรือข้อพิพาทที่เกิดขึ้นเกี่ยวกับการซื้อขายสัญญาซื้อขายล่วงหน้าหรือเกิดจากการใช้บริการที่จัดโดยศูนย์ซื้อขายสัญญาซื้อขายล่วงหน้า 7. มีหลักเกณฑ์ในการรับสมาชิกโดยคำนึงถึงความเหมาะสมและสถานภาพของผู้ที่จะเป็นสมาชิก และ 8. มีกฎเกณฑ์ที่ใช้บังคับกับสมาชิก และต้องมีมาตรการกำกับดูแลให้สมาชิกและผู้ปฏิบัติงานให้กับสมาชิกปฏิบัติตามกฎเกณฑ์และจรรยาบรรณในการประกอบธุรกิจสัญญาซื้อขายล่วงหน้า
|
[] |
กรณีลูกจ้างออกจากงาน ลูกจ้างสามารถขอโอนเงินในกองทุนที่ตนมีสิทธิได้รับไปยังกองทุนรวมเพื่อการเลี้ยงชีพหรือกองทุนอื่นได้หรือไม่อย่างไร
|
ได้ หากลูกจ้างได้แสดงเจตนาว่าให้ผู้จัดการกองทุนหรือผู้ชำระบัญชีโอนเงินที่ตนมีสิทธิได้รับจากกองทุนเดิมนั้นไปยังกองทุนรวมเพื่อการเลี้ยงชีพหรือกองทุนอื่นที่มีวัตถุประสงค์เพื่อเป็นหลักประกันในการออกจากงานหรือชราภาพได้
|
[
{
"law_name": "พระราชบัญญัติกองทุนสำรองเลี้ยงชีพ พ.ศ. 2530",
"section_content": "พระราชบัญญัติกองทุนสำรองเลี้ยงชีพ พ.ศ. 2530 มาตรา 23/4 ในกรณีที่นายจ้างถอนตัวจากกองทุนหลายนายจ้างและยังมิได้จัดให้มีกองทุนใหม่ หรือลูกจ้างสิ้นสมาชิกภาพเพราะออกจากงานไม่ว่าด้วยเหตุใด หรือกองทุนเลิก หากลูกจ้างได้แสดงเจตนาให้ผู้จัดการกองทุนหรือผู้ชำระบัญชีโอนเงินทั้งหมดที่ตนมีสิทธิได้รับจากกองทุนหรือเงินที่เหลือจากการขอรับเงินเป็นงวดตามมาตรา 23/2 หรือขอให้โอนเงินที่คงไว้ในกองทุนตามมาตรา 23/3 ไปยังกองทุนรวมเพื่อการเลี้ยงชีพหรือกองทุนอื่นที่มีวัตถุประสงค์เพื่อเป็นหลักประกันในกรณีการออกจากงานหรือการชราภาพ ให้ผู้จัดการกองทุนหรือผู้ชำระบัญชีดำเนินการตามที่ลูกจ้างได้แสดงเจตนาไว้ ทั้งนี้ นายทะเบียนอาจประกาศกำหนดวิธีการและเงื่อนไขไว้ด้วยก็ได้",
"section_num": "23/4"
}
] |
ได้ หากลูกจ้างได้แสดงเจตนาว่าให้ผู้จัดการกองทุนหรือผู้ชำระบัญชีโอนเงินที่ตนมีสิทธิได้รับจากกองทุนเดิมนั้นไปยังกองทุนรวมเพื่อการเลี้ยงชีพหรือกองทุนอื่นที่มีวัตถุประสงค์เพื่อเป็นหลักประกันในการออกจากงานหรือชราภาพได้
|
[
{
"law_name": "พระราชบัญญัติกองทุนสำรองเลี้ยงชีพ พ.ศ. 2530",
"section_content": "พระราชบัญญัติกองทุนสำรองเลี้ยงชีพ พ.ศ. 2530 มาตรา 23/2 เมื่อลูกจ้างรายใดสิ้นสมาชิกภาพตามข้อบังคับของกองทุนด้วยเหตุเกษียณอายุหรือออกจากงานเมื่อมีอายุไม่ต่ำกว่าห้าสิบห้าปีบริบูรณ์ หากลูกจ้างรายนั้นแสดงเจตนาขอรับเงินจากกองทุนเป็นงวด ให้ผู้จัดการกองทุนจ่ายเงินจากกองทุนตามเจตนาของลูกจ้าง โดยลูกจ้างรายนั้นยังคงเป็นสมาชิกของกองทุนต่อไปได้ตามระยะเวลาที่กำหนดในข้อบังคับของกองทุน แต่ลูกจ้างรายนั้นและนายจ้างไม่ต้องจ่ายเงินสะสมหรือเงินสมทบสำหรับลูกจ้างรายนั้นอีก ทั้งนี้ การรับเงินจากกองทุนเป็นงวดให้เป็นไปตามหลักเกณฑ์ที่นายทะเบียนประกาศกำหนด",
"section_num": "23/2"
},
{
"law_name": "พระราชบัญญัติกองทุนสำรองเลี้ยงชีพ พ.ศ. 2530",
"section_content": "พระราชบัญญัติกองทุนสำรองเลี้ยงชีพ พ.ศ. 2530 มาตรา 23/3 เมื่อลูกจ้างรายใดสิ้นสมาชิกภาพเพราะออกจากงานไม่ว่าด้วยเหตุใด ลูกจ้างรายนั้นมีสิทธิคงเงินทั้งหมดที่มีสิทธิจะได้รับไว้ในกองทุน และคงการเป็นสมาชิกต่อไป โดยลูกจ้างและนายจ้างไม่ต้องจ่ายเงินสะสมและเงินสมทบเข้ากองทุน ทั้งนี้ ตามระยะเวลาที่กำหนดในข้อบังคับของกองทุนโดยระยะเวลาที่กำหนดไว้ในข้อบังคับดังกล่าวต้องไม่น้อยกว่าเก้าสิบวันนับแต่วันที่ออกจากงาน",
"section_num": "23/3"
}
] |
คนต่างด้าวที่จะเดินทางออกนอกประเทศต้องเสียภาษีอากรหรือไม่อย่างไร
|
คนต่างด้าวต้องเสียภาษีอากรก่อนที่ตนจะออกเดินทางนอกประเทศ หรือต้องจัดหาประกันเงินภาษีอากร แม้จะภาษีนั้นจะยังไม่ถึงกำหนดชำระก็ตาม
|
[
{
"law_name": "ประมวลรัษฎากร",
"section_content": "ประมวลรัษฎากร มาตรา 4 ทวิ คนต่างด้าวผู้ใดจะเดินทางออกจากประเทศไทย ต้องเสียภาษีอากรที่ค้างชำระ และหรือที่จะต้องชำระ แม้จะยังไม่ถึงกำหนดชำระ หรือจัดหาประกันเงินภาษีอากร ให้เสร็จสิ้นตามบทบัญญัติแห่งประมวลรัษฎากรนี้ก่อนออกเดินทาง",
"section_num": "4 ทวิ"
}
] |
คนต่างด้าวต้องเสียภาษีอากรก่อนที่ตนจะออกเดินทางนอกประเทศ หรือต้องจัดหาประกันเงินภาษีอากร แม้จะภาษีนั้นจะยังไม่ถึงกำหนดชำระก็ตาม
|
[] |
ผู้ใดมีอำนาจกำหนดลักษณะต้องห้ามของกรรมการหรือผู้บริหารในธุรกิจสินทรัพย์ดิจิทัล
|
คณะกรรมการ ก.ล.ต.
|
[
{
"law_name": "พระราชกำหนดการประกอบธุรกิจสินทรัพย์ดิจิทัล พ.ศ. 2561",
"section_content": "พระราชกำหนดการประกอบธุรกิจสินทรัพย์ดิจิทัล พ.ศ. 2561 มาตรา 28 ห้ามมิให้ผู้ประกอบธุรกิจสินทรัพย์ดิจิทัลตั้งหรือยอมให้บุคคลซึ่งมีลักษณะต้องห้ามตามที่คณะกรรมการ ก.ล.ต. ประกาศกำหนด เป็นหรือทำหน้าที่กรรมการหรือผู้บริหารของผู้ประกอบธุรกิจสินทรัพย์ดิจิทัล โดยให้คณะกรรมการ ก.ล.ต. กำหนดตำแหน่งของผู้บริหารดังกล่าวด้วย",
"section_num": "28"
}
] |
คณะกรรมการ ก.ล.ต.
|
[] |
หากตัวแทนที่ทำการแทนตัวการในชื่อของตัวแทนเองนั้นได้ทำสัญญาซื้อขายในราคาที่ต่างจากที่ตัวการกำหนด ตัวการนั้นต้องรับผิดชำระหนี้ตามสัญญาที่ตัวแทนนั้นทำหรือไม่อย่างไร
|
ตัวการไม่ต้องรับผิดชำระหนี้ในสัญญาดังกล่าวนั้น เว้นแต่ หากตัวแทนที่ทำการแทนตัวการในชื่อของตัวแทนเองนั้นได้มีการจ่ายเงินในราคาส่วนต่างนั้นไปแล้ว ตัวการก็ต้องรับผิดในสัญญาซื้อขายนั้นด้วย
|
[
{
"law_name": "ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์",
"section_content": "ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 839\nถ้าตัวแทนค้าต่างได้ทำการขายเป็นราคาต่ำไปกว่าที่ตัวการกำหนดหรือทำการซื้อเป็นราคาสูงไปกว่าที่ตัวการกำหนดไซร้ หากว่าตัวแทนรับใช้เศษที่ขาดเกินนั้นแล้ว ท่านว่าการขายหรือการซื้ออันนั้นตัวการก็ต้องรับขายรับซื้อ",
"section_num": "839"
}
] |
ตัวการไม่ต้องรับผิดชำระหนี้ในสัญญาดังกล่าวนั้น เว้นแต่ หากตัวแทนที่ทำการแทนตัวการในชื่อของตัวแทนเองนั้นได้มีการจ่ายเงินในราคาส่วนต่างนั้นไปแล้ว ตัวการก็ต้องรับผิดในสัญญาซื้อขายนั้นด้วย.
|
[] |
กรรมการผู้ทรงคุณวุฒิในคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ต้องเป็นผู้ทรงคุณวุฒิในด้านใดบ้าง
|
ด้านกฎหมาย ด้านบัญชี และด้านการเงินด้านละหนึ่งคนเป็นอย่างน้อยจากจำนวนกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิ ไม่น้อยกว่า 4 คนแต่ไม่เกิน 6 คน
|
[
{
"law_name": "พระราชบัญญัติหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ พ.ศ. 2535",
"section_content": "พระราชบัญญัติหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ พ.ศ. 2535 มาตรา 8 ให้มีคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์คณะหนึ่งเรียกโดยย่อว่า “คณะกรรมการ ก.ล.ต.” ประกอบด้วย ประธานกรรมการซึ่งคณะรัฐมนตรีแต่งตั้งโดยคำแนะนำของรัฐมนตรี ปลัดกระทรวงการคลัง ปลัดกระทรวงพาณิชย์ผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทยและกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิซึ่งรัฐมนตรีแต่งตั้งโดยผ่านการคัดเลือกตามที่กำหนดในมาตรา31/7 จำนวนไม่น้อยกว่าสี่คนแต่ไม่เกินหกคน เป็นกรรมการโดยในจำนวนนี้อย่างน้อยต้องเป็นผู้ทรงคุณวุฒิด้านกฎหมาย ด้านบัญชีและด้านการเงินด้านละหนึ่งคน และให้เลขาธิการ เป็นกรรมการและเลขานุการ",
"section_num": "8"
}
] |
ด้านกฎหมาย ด้านบัญชี และด้านการเงินด้านละหนึ่งคนเป็นอย่างน้อยจากจำนวนกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิ ไม่น้อยกว่า 4 คนแต่ไม่เกิน 6 คน
|
[
{
"law_name": "พระราชบัญญัติหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ พ.ศ. 2535",
"section_content": "พระราชบัญญัติหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ พ.ศ. 2535 มาตรา 31/7 ในการคัดเลือกกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิในคณะกรรมการก.ล.ต. และคณะกรรมการกำกับตลาดทุนให้บุคคลดังต่อไปนี้ร่วมกันเสนอรายชื่อผู้ทรงคุณวุฒิจำนวนสองเท่าของจำนวนกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิที่จะแต่งตั้งต่อคณะกรรมการคัดเลือก\n(1)การคัดเลือกกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิในคณะกรรมการ ก.ล.ต. ให้ประธานกรรมการ ก.ล.ต.และกรรมการ ก.ล.ต. ที่มิใช่กรรมการผู้ทรงคุณวุฒิ ร่วมกันเสนอรายชื่อ\n(2)การคัดเลือกกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิในคณะกรรมการกำกับตลาดทุน ให้คณะกรรมการ ก.ล.ต.เสนอรายชื่อ\nในกรณีที่คณะกรรมการคัดเลือกไม่เห็นชอบกับรายชื่อผู้ทรงคุณวุฒิที่เสนอตามวรรคหนึ่งคณะกรรมการคัดเลือกมีอำนาจให้มีการดำเนินการเสนอรายชื่อใหม่ได้\nเมื่อคณะกรรมการคัดเลือกพิจารณาคัดเลือกผู้ทรงคุณวุฒิที่สมควรได้รับการแต่งตั้งเป็นกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิในคณะกรรมการก.ล.ต. หรือคณะกรรมการกำกับตลาดทุน แล้วแต่กรณีแล้วให้เสนอชื่อต่อรัฐมนตรีเพื่อแต่งตั้ง",
"section_num": "31/7"
}
] |
ผู้ทำพินัยกรรมสามารถแต่งตั้งผู้จัดการมรดกได้เองหรือไม่อย่างไร
|
ได้ ด้วยการกำหนดแต่งตั้งไว้ในพินัยกรรมโดยตรง
|
[
{
"law_name": "ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์",
"section_content": "ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1711\nผู้จัดการมรดกนั้นรวมตลอดทั้งบุคคลที่ตั้งขึ้นโดยพินัยกรรมหรือโดยคำสั่งศาล",
"section_num": "1711"
}
] |
ได้ ด้วยการกำหนดแต่งตั้งไว้ในพินัยกรรมโดยตรง
|
[] |
หากสมาคมการค้ามีการรับสมาชิกเข้ามาใหม่ ต้องทำอย่างไรบ้าง
|
ให้สมาคมการค้าแจ้งการรับสมาชิกใหม่ให้นายทะเบียนทราบ ภายในกำหนด 90 วัน นับแต่วันที่รับสมาชิกใหม่
|
[
{
"law_name": "พระราชบัญญัติสมาคมการค้า พ.ศ. 2509",
"section_content": "พระราชบัญญัติสมาคมการค้า พ.ศ. 2509 มาตรา 26 ให้สมาคมการค้าจัดทำทะเบียนสมาชิกเก็บรักษาไว้ที่สำนักงานของสมาคมการค้า และให้ส่งสำเนาทะเบียนสมาชิกนั้นแก่นายทะเบียนภายในกำหนดเก้าสิบวันนับแต่วันที่ได้รับใบอนุญาตและจดทะเบียนเป็นสมาคมการค้า ทะเบียนสมาชิกนั้นอย่างน้อยให้มีรายการดังต่อไปนี้\n(1) ชื่อและสัญชาติของสมาชิก\n(2) ชื่อที่ใช้ในการประกอบวิสาหกิจและประเภทของวิสาหกิจ\n(3) ที่ตั้งสำนักงานของสมาชิก\n(4) วันที่เข้าเป็นสมาชิก\nเมื่อมีการรับสมาชิกใหม่หรือมีการเปลี่ยนแปลงเกี่ยวกับทะเบียนสมาชิก ให้สมาคมการค้าแจ้งการรับสมาชิกใหม่ หรือการเปลี่ยนแปลงนั้น ต่อนายทะเบียนภายในกำหนดเก้าสิบวันนับแต่วันที่รับสมาชิกใหม่หรือมีการเปลี่ยนแปลง",
"section_num": "26"
}
] |
ให้สมาคมการค้าแจ้งการรับสมาชิกใหม่ให้นายทะเบียนทราบ ภายในกำหนด 90 วัน นับแต่วันที่รับสมาชิกใหม่
|
[] |
ผู้ใดมีอำนาจแต่งตั้งคณะอนุกรรมการ เพื่อปฏิบัติงานเกี่ยวกับการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์
|
คณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์
|
[
{
"law_name": "พระราชกำหนดการประกอบธุรกิจสินทรัพย์ดิจิทัล พ.ศ. 2561",
"section_content": "พระราชกำหนดการประกอบธุรกิจสินทรัพย์ดิจิทัล พ.ศ. 2561 มาตรา 12 ให้คณะกรรมการ ก.ล.ต. มีอำนาจแต่งตั้งคณะอนุกรรมการเพื่อปฏิบัติการอย่างหนึ่งอย่างใดตามที่คณะกรรมการ ก.ล.ต. มอบหมายได้\nให้นำความในมาตรา 12 แห่งพระราชบัญญัติหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ พ.ศ. 2535 มาใช้บังคับกับการประชุมของคณะอนุกรรมการโดยอนุโลม",
"section_num": "12"
}
] |
คณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์
|
[] |
ผู้ชำระบัญชีต้องจัดการชำระหนี้ของบริษัทตามลำดับอย่างไรบ้าง
|
ผู้ชำระบัญชีต้องจัดการชำระหนี้ค่าธรรมเนียม ค่าภาระติดพัน และค่าใช้จ่ายที่ต้องเสียในการชำระบัญชีของบริษัทก่อนที่จะชำระหนี้เงินรายอื่น ๆ
|
[
{
"law_name": "ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์",
"section_content": "ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1263\nค่าธรรมเนียม ค่าภาระติดพัน และค่าใช้จ่ายซึ่งต้องเสียโดยควรในการชำระบัญชีนั้น ท่านว่าผู้ชำระบัญชีต้องจัดการใช้ก่อนหนี้เงินรายอื่น ๆ",
"section_num": "1263"
}
] |
ผู้ชำระบัญชีต้องจัดการชำระหนี้ค่าธรรมเนียม ค่าภาระติดพัน และค่าใช้จ่ายที่ต้องเสียในการชำระบัญชีของบริษัทก่อนที่จะชำระหนี้เงินรายอื่น ๆ
|
[] |
หากบริษัทมหาชนได้มีการเสนอขายหุ้นกู้โดยถูกต้องตามกฎหมายบริษัทมหาชนจำกัดฉบับเก่าแล้ว บริษัทมหาชนนั้นจะต้องดำเนินการเกี่ยวกับหุ้นกู้ต่อตามกฎหมายบริษัทมหาชนจำกัดฉบับใหม่หรือไม่อย่างไร
|
ไม่ โดยให้บริษัทมหาชนนั้นดำเนินการเรื่องหุ้นกู้ตามกฎหมายบริษัทมหาชนจำกัดฉบับเก่านั้นต่อไปได้
|
[
{
"law_name": "พระราชบัญญัติบริษัทมหาชนจำกัด พ.ศ. 2535",
"section_content": "พระราชบัญญัติบริษัทมหาชนจำกัด พ.ศ. 2535 มาตรา 224 การเสนอขายหุ้นและหุ้นกู้ต่อประชาชนที่ได้รับการจดทะเบียนหนังสือชี้ชวนให้ซื้อหุ้นหรือหุ้นกู้โดยถูกต้องตามพระราชบัญญัติบริษัทมหาชนจำกัด พ.ศ. 2521 ก่อนวันที่พระราชบัญญัตินี้ใช้บังคับ ให้ดำเนินการตามพระราชบัญญัติดังกล่าวต่อไปได้",
"section_num": "224"
}
] |
ไม่ โดยให้บริษัทมหาชนนั้นดำเนินการเรื่องหุ้นกู้ตามกฎหมายบริษัทมหาชนจำกัดฉบับเก่านั้นต่อไปได้
|
[] |
ผู้ใดมีอำนาจสั่งห้ามไม่ให้บุคคลที่ทำความผิดที่เกี่ยวกับสัญญาซื้อขายล่วงหน้าออกนอกประเทศไทยได้
|
สำนักงาน ก.ล.ต. มีอำนาจร้องขอต่อศาลให้มีคำสั่งห้ามบุคคลที่ได้ทำความผิดตามกฎหมายสัญญาซื้อขายล่วงหน้าหลบหนีนั้นออกนอกประเทศไทยได้ หรือในกรณีฉุกเฉินที่มีความจำเป็นเร่งด่วน คณะกรรมการ ก.ล.ต. มีอำนาจสั่งห้ามไม่ให้บุคคลนั้นออกนอกประเทศได้เป็นการชั่วคราว เวลาไม่เกิน 15 วัน
|
[
{
"law_name": "พระราชบัญญัติสัญญาซื้อขายล่วงหน้า พ.ศ. 2546",
"section_content": "พระราชบัญญัติสัญญาซื้อขายล่วงหน้า พ.ศ. 2546 มาตรา 110 ในกรณีที่ปรากฏหลักฐานว่าบุคคลใดกระทำความผิดตามพระราชบัญญัตินี้ที่มีลักษณะอันอาจก่อให้เกิดความเสียหายแก่ประโยชน์ประชาชนและสำนักงาน ก.ล.ต. มีเหตุอันควรเชื่อว่าบุคคลดังกล่าวจะหลบหนีออกนอกราชอาณาจักร ให้สำนักงาน ก.ล.ต. ร้องขอต่อศาลเพื่อมีคำสั่งห้ามมิให้บุคคลนั้นออกนอกราชอาณาจักรได้และในกรณีฉุกเฉินที่มีความจำเป็นรีบด่วน ให้คณะกรรมการ ก.ล.ต. มีคำสั่งห้ามมิให้บุคคลนั้นออกนอกราชอาณาจักรเป็นการชั่วคราวได้เป็นเวลาไม่เกินสิบห้าวัน",
"section_num": "110"
}
] |
สำนักงาน ก.ล.ต. มีอำนาจร้องขอต่อศาลให้มีคำสั่งห้ามบุคคลที่ได้ทำความผิดตามกฎหมายสัญญาซื้อขายล่วงหน้าหลบหนีนั้นออกนอกประเทศไทยได้ หรือในกรณีฉุกเฉินที่มีความจำเป็นเร่งด่วน คณะกรรมการ ก.ล.ต. มีอำนาจสั่งห้ามไม่ให้บุคคลนั้นออกนอกประเทศได้เป็นการชั่วคราว เวลาไม่เกิน 15 วัน.
|
[] |
สามารถทำพินัยกรรมที่ไม่เป็นไปตามแบบที่กฎหมายกำหนดได้หรือไม่
|
ไม่ได้ พินัยกรรมนั้นจะต้องทำแบบที่กฎหมายกำหนดเท่านั้นถึงจะมีผลบังคับใช้ได้
|
[
{
"law_name": "ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์",
"section_content": "ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1655\nพินัยกรรมนั้น จะทำได้ก็แต่ตามแบบใดแบบหนึ่งดังที่บัญญัติไว้ในหมวดนี้",
"section_num": "1655"
}
] |
ไม่ได้ พินัยกรรมนั้นจะต้องทำแบบที่กฎหมายกำหนดเท่านั้นถึงจะมีผลบังคับใช้ได้
|
[] |
ทรัสตีรายใหม่จะมีสิทธิและหน้าที่แทนทรัสตีรายเดิมเมื่อไร
|
เมื่อทรัสตีรายใหม่นั้นมีสิทธิจัดการทรัพย์สินกองทรัสต์โดยสมบูรณ์แล้ว
|
[
{
"law_name": "พระราชบัญญัติทรัสต์เพื่อธุรกรรมในตลาดทุน พ.ศ. 2550",
"section_content": "พระราชบัญญัติทรัสต์เพื่อธุรกรรมในตลาดทุน พ.ศ. 2550 มาตรา 27 ให้ทรัสตีรายใหม่มีสิทธิและหน้าที่แทนทรัสตีรายเดิมหรือร่วมกับทรัสตีรายที่เหลืออยู่ แล้วแต่กรณี รวมทั้งเข้าสวมสิทธิเป็นคู่ความในคดีหรือเป็นฝ่ายที่ต้องผูกพันตามคำพิพากษา เมื่อทรัสตีรายใหม่มีสิทธิโดยสมบูรณ์เหนือกองทรัสต์",
"section_num": "27"
}
] |
เมื่อทรัสตีรายใหม่นั้นมีสิทธิจัดการทรัพย์สินกองทรัสต์โดยสมบูรณ์แล้ว
|
[] |
ผู้ใดบ้างได้รับยกเว้นไม่ต้องเสียอากรแสตมป์
|
รัฐบาล เจ้าพนักงานที่กระทำการในนามของรัฐบาล องค์การบริหารราชการส่วนท้องถิ่น สภากาชาดไทย วัด และองค์การศาสนาในประเทศไทยที่เป็นนิติบุคคล แต่ข้อยกเว้นนี้มิให้ใช้แก่องค์การของรัฐบาลที่ใช้ทุนหรือทุนหมุนเวียนเพื่อประกอบการพาณิชย์ หรือการพาณิชย์ซึ่งองค์การบริหารราชการส่วนท้องถิ่นเป็นผู้จัดทำ
|
[
{
"law_name": "ประมวลรัษฎากร",
"section_content": "ประมวลรัษฎากร มาตรา 121 ถ้าฝ่ายที่ต้องเสียอากรเป็นรัฐบาล เจ้าพนักงานผู้กระทำงานของรัฐบาลโดยหน้าที่ บุคคลผู้กระทำการในนามของรัฐบาล องค์การบริหารราชการส่วนท้องถิ่น สภากาชาดไทย วัดวาอาราม และองค์การศาสนาใด ๆ ในราชอาณาจักรซึ่งเป็นนิติบุคคล อากรเป็นอันไม่ต้องเสีย แต่ข้อยกเว้นนี้มิให้ใช้แก่องค์การของรัฐบาลที่ใช้ทุนหรือทุนหมุนเวียนเพื่อประกอบการพาณิชย์ หรือการพาณิชย์ซึ่งองค์การบริหารราชการส่วนท้องถิ่นเป็นผู้จัดทำ",
"section_num": "121"
}
] |
รัฐบาล เจ้าพนักงานที่กระทำการในนามของรัฐบาล องค์การบริหารราชการส่วนท้องถิ่น สภากาชาดไทย วัด และองค์การศาสนาในประเทศไทยที่เป็นนิติบุคคล แต่ข้อยกเว้นนี้มิให้ใช้แก่องค์การของรัฐบาลที่ใช้ทุนหรือทุนหมุนเวียนเพื่อประกอบการพาณิชย์ หรือการพาณิชย์ซึ่งองค์การบริหารราชการส่วนท้องถิ่นเป็นผู้จัดทำ
|
[] |
ผู้ที่ซื้อทรัพย์สินที่ติดจำนองมาสามารถไถ่ถอนจำนองได้หรือไม่อย่างไร
|
ไถ่ถอนจำนองได้ ถ้าผู้ที่ซื้อทรัพย์สินที่ติดจำนองนั้นไม่ได้เป็นลูกหนี้จำนองหรือผู้ค้ำประกัน หรือเป็นทายาทของลูกหนี้หรือผู้ค้ำประกันในการจำนองนั้น
|
[
{
"law_name": "ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์",
"section_content": "ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 736\nผู้รับโอนทรัพย์สินซึ่งจำนองจะไถ่ถอนจำนองก็ได้ ถ้าหากมิได้เป็นตัวลูกหนี้หรือผู้ค้ำประกัน หรือเป็นทายาทของลูกหนี้หรือผู้ค้ำประกัน",
"section_num": "736"
}
] |
ไถ่ถอนจำนองได้ ถ้าผู้ที่ซื้อทรัพย์สินที่ติดจำนองนั้นไม่ได้เป็นลูกหนี้จำนองหรือผู้ค้ำประกัน หรือเป็นทายาทของลูกหนี้หรือผู้ค้ำประกันในการจำนองนั้น
|
[] |
ถ้าบริษัทมีการควบรวมธุรกิจโดยฝ่าฝืนประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ต้องรับโทษอย่างไรบ้าง
|
บริษัทมีความผิดต้องรับโทษโดยชำระค่าปรับเป็นพินัยไม่เกิน 50,000 บาท
|
[
{
"law_name": "พระราชบัญญัติกำหนดความผิดเกี่ยวกับห้างหุ้นส่วนจดทะเบียน ห้างหุ้นส่วนจำกัด บริษัทจำกัด สมาคม และมูลนิธิ พ.ศ. 2499",
"section_content": "พระราชบัญญัติกำหนดความผิดเกี่ยวกับห้างหุ้นส่วนจดทะเบียน ห้างหุ้นส่วนจำกัด บริษัทจำกัด สมาคม และมูลนิธิ พ.ศ. 2499 มาตรา 24 บริษัทจำกัดใดไม่ส่งหนังสือบอกกล่าวมติพิเศษให้ควบรวมบริษัทหรือไม่โฆษณาให้ทราบความประสงค์ที่จะควบรวมบริษัทตามมาตรา 1240 วรรคหนึ่ง แห่งประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ หรือจัดการควบรวมบริษัทโดยฝ่าฝืนมาตรา 1240 วรรคสอง แห่งประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มีความผิดทางพินัยต้องชำระค่าปรับเป็นพินัยไม่เกินห้าหมื่นบาท*",
"section_num": "24"
}
] |
บริษัทมีความผิดต้องรับโทษโดยชำระค่าปรับเป็นพินัยไม่เกิน 50,000 บาท
|
[
{
"law_name": "ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์",
"section_content": "ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1240\nบริษัทต้องโฆษณาในหนังสือพิมพ์แห่งท้องที่อย่างน้อยหนึ่งคราว และส่งคำบอกกล่าวไปยังบรรดาผู้ซึ่งบริษัทรู้ว่าเป็นเจ้าหนี้ของบริษัท บอกให้ทราบรายการที่ประสงค์จะควบบริษัทเข้ากัน และขอให้เจ้าหนี้ผู้มีข้อคัดค้านอย่างหนึ่งอย่างใดในการควบบริษัทเข้ากันนั้นส่งคำคัดค้านไปภายในหกสิบวันนับแต่วันที่บอกกล่าว\nถ้าไม่มีใครคัดค้านภายในกำหนดเวลาเช่นว่านั้น ก็ให้พึงถือว่าไม่มีคัดค้าน\nถ้าหากมีเจ้าหนี้คัดค้าน บริษัทจะจัดการควบเข้ากันมิได้ จนกว่าจะได้ใช้หนี้หรือได้ให้ประกันเพื่อหนี้รายนั้น",
"section_num": "1240"
}
] |
หากทรัพย์สินที่ติดจำนองมีเจ้าหนี้ผู้รับจำนองหลายคน เจ้าหนี้คนไหนจะได้รับชำระหนี้ก่อนกัน
|
เจ้าหนี้ผู้รับจำนองที่มีวันและเวลาในการจดทะเบียนจำนองก่อนเจ้าหนี้จำนองคนอื่น ๆ จะได้รับการชำระหนี้ก่อน
|
[
{
"law_name": "ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์",
"section_content": "ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 730\nเมื่อทรัพย์สินอันหนึ่งอันเดียวได้จำนองแก่ผู้รับจำนองหลายคนด้วยกัน ท่านให้ถือลำดับผู้รับจำนองเรียงตามวันและเวลาจดทะเบียน และผู้รับจำนองคนก่อนจักได้รับใช้หนี้ก่อนผู้รับจำนองคนหลัง",
"section_num": "730"
}
] |
เจ้าหนี้ผู้รับจำนองที่มีวันและเวลาในการจดทะเบียนจำนองก่อนเจ้าหนี้จำนองคนอื่น ๆ จะได้รับการชำระหนี้ก่อน
|
[] |
การชำระหนี้ที่ตกเป็นพ้นวิสัยจะถือเป็นประโยชน์แก่ลูกหนี้ร่วมทุกคนหรือไม่อย่างไร
|
ไม่ เพราะเรื่องการชำระหนี้เป็นพ้นวิสัยนั้นจะมีผลเป็นการเฉพาะตัวของลูกหนี้เพียงคนหนึ่งคนใดเท่านั้น ไม่ได้มีผลต่อลูกหนี้ร่วมทุกคน
|
[
{
"law_name": "ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์",
"section_content": "ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 295\nข้อความจริงอื่นใด นอกจากที่ระบุไว้ในมาตรา 292 ถึง 294 นั้น เมื่อเป็นเรื่องเท้าถึงตัวลูกหนี้ร่วมกันคนใดก็ย่อมเป็นไปเพื่อคุณและโทษแต่เฉพาะแก่ลูกหนี้คนนั้น เว้นแต่จะปรากฏว่าขัดกับสภาพแห่งหนี้นั้นเอง\nความที่ว่ามานี้ เมื่อจะกล่าวโดยเฉพาะก็คือว่าให้ใช้แก่การให้คำบอกกล่าวการผิดนัด การที่หยิบยกอ้างความผิด การชำระหนี้อันเป็นพ้นวิสัยแก่ฝ่ายลูกหนี้ร่วมกันคนหนึ่ง กำหนดอายุความหรือการที่อายุความสะดุดหยุดลง และการที่สิทธิเรียกร้องเกลื่อนกลืนกันไปกับหนี้สิน",
"section_num": "295"
}
] |
ไม่ เพราะเรื่องการชำระหนี้เป็นพ้นวิสัยนั้นจะมีผลเป็นการเฉพาะตัวของลูกหนี้เพียงคนหนึ่งคนใดเท่านั้น ไม่ได้มีผลต่อลูกหนี้ร่วมทุกคน
|
[
{
"law_name": "ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์",
"section_content": "ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 292\nการที่ลูกหนี้ร่วมกันคนหนึ่งชำระหนี้นั้น ย่อมได้เป็นประโยชน์แก่ลูกหนี้คนอื่น ๆ ด้วย วิธีเดียวกันนี้ท่านให้ใช้บังคับแก่การใด ๆ อันพึงกระทำแทนชำระหนี้ วางทรัพย์สินแทนชำระหนี้ และหักกลบลบหนี้ด้วย\nลูกหนี้ร่วมกันคนหนึ่งมีสิทธิเรียกร้องอย่างไร ลูกหนี้คนอื่น ๆ จะเอาสิทธิอันนั้นไปใช้หักกลบลบหนี้หาได้ไม่",
"section_num": "292"
},
{
"law_name": "ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์",
"section_content": "ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 293\nการปลดหนี้ให้แก่ลูกหนี้ร่วมกันคนหนึ่งนั้น ย่อมเป็นไปเพื่อประโยชน์แก่ลูกหนี้คนอื่น ๆ เพียงเท่าส่วนของลูกหนี้ที่ได้ปลดให้ เว้นแต่จะได้ตกลงกันเป็นอย่างอื่น",
"section_num": "293"
},
{
"law_name": "ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์",
"section_content": "ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 294\nการที่เจ้าหนี้ผิดนัดต่อลูกหนี้ร่วมกันคนหนึ่งนั้น ย่อมได้เป็นคุณประโยชน์แก่ลูกหนี้คนอื่น ๆ ด้วย",
"section_num": "294"
}
] |
บริษัทจะขายหุ้นออกไปในราคาที่สูงกว่ามูลค่าของหุ้นที่ตั้งไว้ได้หรือไม่อย่างไร
|
ได้ ถ้าในหนังสือบริคณห์สนธิของบริษัทนั้นให้อำนาจไว้ โดยให้ส่งจำนวนเงินที่สูงกว่ามูลค่านั้นไปพร้อมกับชำระค่าหุ้นครั้งแรกด้วย
|
[
{
"law_name": "ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์",
"section_content": "ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1105\nอันหุ้นนั้น ท่านห้ามมิให้ออกโดยราคาต่ำไปกว่ามูลค่าของหุ้นที่ตั้งไว้\nการออกหุ้นโดยราคาสูงกว่ามูลค่าของหุ้นที่ตั้งไว้นั้น หากว่าหนังสือบริคณห์สนธิให้อำนาจไว้ ก็ให้ออกได้ และในกรณีเช่นนั้น ต้องส่งใช้จำนวนที่ล้ำมูลค่าพร้อมกันไปกับการส่งใช้เงินคราวแรก\nอนึ่ง เงินส่งใช้ค่าหุ้นคราวแรกนั้น ต้องมิให้น้อยกว่าร้อยละยี่สิบห้าแห่งมูลค่าของหุ้นที่ตั้งไว้",
"section_num": "1105"
}
] |
ได้ ถ้าในหนังสือบริคณห์สนธิของบริษัทนั้นให้อำนาจไว้ โดยให้ส่งจำนวนเงินที่สูงกว่ามูลค่านั้นไปพร้อมกับชำระค่าหุ้นครั้งแรกด้วย
|
[] |
ถ้าผู้ขอจัดตั้งมูลนิธิตายก่อนที่นายทะเบียนจะรับจดทะเบียนมูลนิธิ คำขอจัดตั้งมูลนิธินั้นสามารถมีผลใช้ได้หรือไม่อย่างไร
|
คำขอจัดตั้งมูลนิธินั้นยังมีผลใช้ได้อยู่ หากผู้ตายไม่ได้ทำพินัยกรรมยกเลิกการจัดตั้งมูลนิธินั้น
|
[
{
"law_name": "ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์",
"section_content": "ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 117\nในกรณีที่ผู้ขอจัดตั้งมูลนิธิถึงแก่ความตายก่อนนายทะเบียนรับจดทะเบียนมูลนิธิ ถ้าผู้ตายมิได้ทำพินัยกรรมยกเลิกการจัดตั้งมูลนิธิที่ขอจัดตั้งไว้ให้คำขอจัดตั้งมูลนิธิที่ผู้ตายได้ยื่นไว้ต่อนายทะเบียนยังคงใช้ได้ต่อไป และให้ทายาทหรือผู้จัดการมรดกหรือผู้ซึ่งผู้ตายมอบหมาย ดำเนินการในฐานะเป็นผู้ขอจัดตั้งมูลนิธิต่อไป ถ้าบุคคลดังกล่าวไม่ดำเนินการภายในหนึ่งร้อยยี่สิบวันนับแต่วันที่ผู้ขอจัดตั้งมูลนิธิถึงแก่ความตาย บุคคลผู้มีส่วนได้เสียหรือพนักงานอัยการจะดำเนินการในฐานะเป็นผู้ขอจัดตั้งมูลนิธินั้นต่อไปก็ได้\nในกรณีที่ไม่สามารถจัดตั้งมูลนิธิขึ้นได้ตามวัตถุประสงค์ที่ผู้ตายกำหนดไว้ ถ้าหากไม่มีพินัยกรรมของผู้ตายสั่งการในเรื่องนี้ไว้เป็นอย่างอื่น ให้นำความในมาตรา 1679 วรรคสอง มาใช้บังคับโดยอนุโลม ถ้าไม่สามารถดำเนินการตามมาตรา 1679 วรรคสอง หรือมูลนิธิจัดตั้งขึ้นไม่ได้ตามมาตรา 115 ให้ทรัพย์สินที่จัดสรรไว้ตกเป็นมรดกของผู้ตาย",
"section_num": "117"
}
] |
คำขอจัดตั้งมูลนิธินั้นยังมีผลใช้ได้อยู่ หากผู้ตายไม่ได้ทำพินัยกรรมยกเลิกการจัดตั้งมูลนิธินั้น
|
[
{
"law_name": "ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์",
"section_content": "ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1679\nถ้าจัดตั้งมูลนิธิขึ้นไม่ได้ตามวัตถุที่ประสงค์ ให้ทรัพย์สินตกทอดไปตามที่ระบุไว้ในพินัยกรรม\nถ้าพินัยกรรมไม่ได้ระบุไว้ เมื่อทายาทหรือผู้จัดการมรดก หรือพนักงานอัยการ หรือบุคคลผู้มีส่วนได้เสียคนใดคนหนึ่งร้องขอ ให้ศาลจัดสรรทรัพย์สินนั้นให้แก่นิติบุคคลอื่นซึ่งปรากฏว่ามีวัตถุที่ประสงค์ใกล้ชิดที่สุดกับความประสงค์ของผู้ทำพินัยกรรม\nถ้าหากว่าจัดสรรทรัพย์สินอย่างนี้ไม่ได้ก็ดี หรือว่ามูลนิธินั้นตั้งขึ้นไม่ได้ เพราะเป็นการขัดต่อกฎหมาย หรือขัดต่อความสงบเรียบร้อยหรือศีลธรรมอันดีของประชาชนก็ดี ข้อกำหนดพินัยกรรมในการจัดตั้งมูลนิธินั้นเป็นอันไร้ผล",
"section_num": "1679"
},
{
"law_name": "ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์",
"section_content": "ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 115\nเมื่อนายทะเบียนได้รับคำขอแล้วเห็นว่า คำขอนั้นถูกต้องตามมาตรา 114 และข้อบังคับถูกต้องตามมาตรา 112 และวัตถุประสงค์เป็นไปตามมาตรา 110 และไม่ขัดต่อกฎหมายหรือศีลธรรมอันดีของประชาชน หรือไม่เป็นภยันตรายต่อความสงบสุขของประชาชนหรือความมั่นคงของรัฐ และรายการซึ่งจดแจ้งในคำขอหรือข้อบังคับสอดคล้องกับวัตถุประสงค์ของมูลนิธิ และผู้จะเป็นกรรมการของมูลนิธินั้นมีฐานะและความประพฤติเหมาะสมในการดำเนินการตามวัตถุประสงค์ของมูลนิธิ ให้นายทะเบียนรับจดทะเบียนและออกใบสำคัญแสดงการจดทะเบียนให้แก่มูลนิธินั้น และประกาศการจัดตั้งมูลนิธิในราชกิจจานุเบกษา\nถ้านายทะเบียนเห็นว่าคำขอหรือข้อบังคับไม่ถูกต้องตามมาตรา 114 หรือมาตรา 112 หรือรายการซึ่งจดแจ้งในคำขอหรือข้อบังคับไม่สอดคล้องกับวัตถุประสงค์ของมูลนิธิ หรือผู้จะเป็นกรรมการของมูลนิธิมีฐานะหรือความประพฤติไม่เหมาะสมในการดำเนินการตามวัตถุประสงค์ของมูลนิธิ ให้มีคำสั่งให้ผู้ขอจดทะเบียนแก้ไขหรือเปลี่ยนแปลงให้ถูกต้อง เมื่อแก้ไขหรือเปลี่ยนแปลงถูกต้องแล้ว ให้รับจดทะเบียนและออกใบสำคัญแสดงการจดทะเบียนให้แก่มูลนิธินั้น\nถ้านายทะเบียนเห็นว่าไม่อาจรับจดทะเบียนได้เนื่องจากวัตถุประสงค์ของมูลนิธิไม่เป็นไปตามมาตรา 110 หรือขัดต่อกฎหมายหรือศีลธรรมอันดีของประชาชนหรืออาจเป็นภยันตรายต่อความสงบสุขของประชาชนหรือความมั่นคงของรัฐ หรือผู้ขอจดทะเบียนไม่แก้ไขหรือเปลี่ยนแปลงให้ถูกต้องภายในสามสิบวันนับแต่วันที่ทราบคำสั่งของนายทะเบียน ให้นายทะเบียนมีคำสั่งไม่รับจดทะเบียน และแจ้งคำสั่งพร้อมด้วยเหตุผลที่ไม่รับจดทะเบียนให้ผู้ขอจดทะเบียนทราบโดยมิชักช้า\nผู้ขอจดทะเบียนมีสิทธิอุทธรณ์คำสั่งไม่รับจดทะเบียนนั้นต่อรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย โดยทำเป็นหนังสือยื่นต่อนายทะเบียนภายในสามสิบวันนับแต่วันที่ได้รับแจ้งคำสั่งไม่รับจดทะเบียน\nให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทยวินิจฉัยอุทธรณ์และแจ้งคำวินิจฉัยให้ผู้อุทธรณ์ทราบภายในเก้าสิบวันนับแต่วันที่นายทะเบียนได้รับหนังสืออุทธรณ์ คำวินิจฉัยของรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทยให้เป็นที่สุด",
"section_num": "115"
}
] |
ระยะเวลาที่สามารถร้องขอให้ศาลสั่งให้เป็นคนสาบสูญ ผู้นั้นจะต้องหายไปจากภูมิลำเนาที่อยู่เป็นเวลาเท่าใด
|
5 ปี
|
[
{
"law_name": "ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์",
"section_content": "ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 61\nถ้าบุคคลใดได้ไปจากภูมิลำเนาหรือถิ่นที่อยู่ และไม่มีใครรู้แน่ว่าบุคคลนั้นยังมีชีวิตอยู่หรือไม่ตลอดระยะเวลาห้าปี เมื่อผู้มีส่วนได้เสียหรือพนักงานอัยการร้องขอ ศาลจะสั่งให้บุคคลนั้นเป็นคนสาบสูญก็ได้\nระยะเวลาตามวรรคหนึ่งให้ลดเหลือสองปี\n(1) นับแต่วันที่การรบหรือสงครามสิ้นสุดลง ถ้าบุคคลนั้นอยู่ในการรบหรือสงคราม และหายไปในการรบหรือสงครามดังกล่าว\n(2) นับแต่วันที่ยานพาหนะที่บุคคลนั้นเดินทาง อับปาง ถูกทำลาย หรือสูญหายไป\n(3) นับแต่วันที่เหตุอันตรายแก่ชีวิตนอกจากที่ระบุไว้ใน (1) หรือ (2) ได้ผ่านพ้นไป ถ้าบุคคลนั้นตกอยู่ในอันตรายเช่นว่านั้น",
"section_num": "61"
}
] |
5 ปี
|
[] |
แบบแสดงรายการข้อมูลการเสนอขายหลักทรัพย์ในประเภทใบสำคัญแสดงสิทธิที่จะซื้อหุ้นกู้ของบริษัทจะต้องมีรายละอียดอะไรบ้าง
|
ต้องมีรายละเอียดเพิ่มเติมจากแบบแสดงรายการข้อมูลการขายหลักทรัพย์ตามที่คณะกรรมการกำกับตลาดทุนกำหนด ดังต่อไปนี้ด้วย 1. สิทธิและเงื่อนไขตามใบสำคัญแสดงสิทธิในการซื้อหุ้นกู้ 2. มติของที่ประชุมผู้ถือหุ้นที่ให้ออกหุ้นกู้นั้น 3. จำนวนหุ้นกู้ทั้งหมดที่จะออกตามใบสำคัญแสดงสิทธิ 4. วิธีการแปลงสภาพของสิทธิในหุ้นกู้ 5. ข้อมูลอื่นตามที่คณะกรรมการกำกับตลาดทุนประกาศกำหนด คำอธิบายขยายความ: ตามพระราชบัญญัติหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ พ.ศ. 2535 มาตรา 71 รายละเอียดเพิ่มเติมของแบบแสดงรายการข้อมูลการเสนอขายหลักทรัพย์ในประเภทใบสำคัญแสดงสิทธิที่จะซื้อหุ้นหรือหุ้นกู้หรือหน่วยลงทุน ดังต่อไปนี้ 1. สิทธิและเงื่อนไขตามใบสำคัญแสดงสิทธิ 2. มติของที่ประชุมผู้ถือหุ้นที่ให้ออกหุ้นหรือหุ้นกู้ หรือคำอนุมัติของสำนักงานที่ให้ออกหน่วยลงทุนเพื่อการใช้สิทธิตามใบสำคัญแสดงสิทธิ 3. จำนวนหุ้นหรือหุ้นกู้หรือหน่วยลงทุนทั้งหมดที่จะออกตามใบสำคัญแสดงสิทธิ 4. วิธีการแปลงสภาพของสิทธิ 5. ข้อมูลอื่นตามที่คณะกรรมการกำกับตลาดทุนประกาศกำหนด
|
[
{
"law_name": "พระราชบัญญัติหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ พ.ศ. 2535",
"section_content": "พระราชบัญญัติหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ พ.ศ. 2535 มาตรา 71 แบบแสดงรายการข้อมูลการเสนอขายหลักทรัพย์ประเภทใบสำคัญแสดงสิทธิที่จะซื้อหุ้น ใบสำคัญแสดงสิทธิที่จะซื้อหุ้นกู้ หรือใบสำคัญแสดงสิทธิที่จะซื้อหน่วยลงทุน นอกจากจะต้องมีรายละเอียดของรายการตามมาตรา 69 แล้ว ให้มีรายละเอียดของรายการดังต่อไปนี้ด้วย\n(1) สิทธิ และเงื่อนไขตามใบสำคัญแสดงสิทธิ\n(2) มติของที่ประชุมผู้ถือหุ้นที่ให้ออกหุ้นหรือหุ้นกู้ หรือคำอนุมัติของสำนักงานที่ให้ออกหน่วยลงทุนเพื่อการใช้สิทธิตามใบสำคัญแสดงสิทธิ แล้วแต่กรณี\n(3) จำนวนหุ้นหรือหุ้นกู้หรือหน่วยลงทุนทั้งสิ้นที่จะออกตามใบสำคัญแสดงสิทธิ\n(4) วิธีการแปลงสภาพแห่งสิทธิ\n(5) ข้อมูลอื่นตามที่คณะกรรมการกำกับตลาดทุนประกาศกำหนด",
"section_num": "71"
}
] |
ต้องมีรายละเอียดเพิ่มเติมจากแบบแสดงรายการข้อมูลการขายหลักทรัพย์ตามที่คณะกรรมการกำกับตลาดทุนกำหนด ดังต่อไปนี้ด้วย 1. สิทธิและเงื่อนไขตามใบสำคัญแสดงสิทธิในการซื้อหุ้นกู้ 2. มติของที่ประชุมผู้ถือหุ้นที่ให้ออกหุ้นกู้นั้น 3. จำนวนหุ้นกู้ทั้งหมดที่จะออกตามใบสำคัญแสดงสิทธิ 4. วิธีการแปลงสภาพของสิทธิในหุ้นกู้ 5. ข้อมูลอื่นตามที่คณะกรรมการกำกับตลาดทุนประกาศกำหนด
|
[
{
"law_name": "พระราชบัญญัติหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ พ.ศ. 2535",
"section_content": "พระราชบัญญัติหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ พ.ศ. 2535 มาตรา 69 แบบแสดงรายการข้อมูลการเสนอขายหลักทรัพย์ให้เป็นไปตามแบบที่คณะกรรมการกำกับตลาดทุนประกาศกำหนด โดยให้มีรายละเอียดของรายการดังนี้\n(1) วัตถุประสงค์ของการเสนอขายหลักทรัพย์ต่อประชาชนหรือบุคคลใด ๆ\n(2) ชื่อบริษัทที่ออกหลักทรัพย์\n(3) ทุนของบริษัท\n(4) จำนวนและประเภทหลักทรัพย์ที่เสนอขาย\n(5) ราคาที่คาดว่าจะขายของหลักทรัพย์ต่อหน่วย\n(6) ลักษณะการประกอบธุรกิจ\n(7) ฐานะทางการเงิน การดำเนินงาน และข้อมูลที่สำคัญของธุรกิจ\n(8) ผู้บริหารและผู้ถือหุ้นรายใหญ่ของบริษัทที่ออกหลักทรัพย์\n(9) ผู้สอบบัญชี สถาบันการเงินที่ติดต่อประจำ และที่ปรึกษากฎหมายของบริษัทที่ออกหลักทรัพย์\n(10) วิธีการจอง จัดจำหน่ายและจัดสรรหลักทรัพย์\n(11) ข้อมูลอื่นใดตามที่คณะกรรมการกำกับตลาดทุนประกาศกำหนด\nในการยื่นแบบแสดงรายการข้อมูลการเสนอขายหลักทรัพย์สำนักงานจะกำหนดให้ผู้เริ่มจัดตั้งบริษัทมหาชนจำกัด บริษัทหรือเจ้าของหลักทรัพย์แนบเอกสารหลักฐานอื่นนอกจากที่ระบุไว้ในแบบแสดงรายการข้อมูลการเสนอขายหลักทรัพย์ก็ได้",
"section_num": "69"
}
] |
ในกรณีสัญญาฝากทรัพย์ ผู้ฝากสามารถเรียกคืนทรัพย์สินที่ฝากไว้ก่อนจะถึงเวลาที่กำหนดนั้นได้หรือไม่อย่างไร
|
ได้ ผู้ฝากทรัพย์นั้นก็สามารถเรียกทรัพย์สินคืนจากผู้รับฝากได้ตลอดเวลา แม้ว่าในสัญญาฝากทรัพย์จะมีการกำหนดเวลาคืนทรัพย์กันไว้ก็ตาม
|
[
{
"law_name": "ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์",
"section_content": "ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 663\nถึงแม้ว่าคู่สัญญาจะได้กำหนดเวลาไว้ว่าจะพึงคืนทรัพย์สินซึ่งฝากนั้นเมื่อไรก็ตาม ถ้าว่าผู้ฝากจะเรียกคืนในเวลาใด ๆ ผู้รับฝากก็ต้องคืนให้",
"section_num": "663"
}
] |
ได้ ผู้ฝากทรัพย์นั้นก็สามารถเรียกทรัพย์สินคืนจากผู้รับฝากได้ตลอดเวลา แม้ว่าในสัญญาฝากทรัพย์จะมีการกำหนดเวลาคืนทรัพย์กันไว้ก็ตาม
|
[] |
บริษัทมหาชนสามารถเป็นเจ้าของหุ้นของตนเองได้หรือไม่อย่างไร
|
บริษัทไม่สามารถเป็นเจ้าของหุ้นของตนได้ เว้นแต่ ในกรณี (1) บริษัทอาจซื้อหุ้นคืนจากผู้ถือหุ้นที่ออกเสียงไม่เห็นด้วยกับมติของที่ประชุมผู้ถือหุ้นในการแก้ไขข้อบังคับของบริษัทเกี่ยวกับสิทธิในการออกเสียงลงคะแนนและสิทธิในการรับเงินปันผล ซึ่งผู้ถือหุ้นเห็นว่าตนไม่ได้รับความเป็นธรรม หรือ (2) บริษัทอาจซื้อหุ้นของตนคืนเพื่อบริหารทางการเงิน เมื่อบริษัทมีกำไรสะสมและสภาพคล่องส่วนเกิน และการซื้อหุ้นคืนนั้นไม่เป็นเหตุให้บริษัทประสบปัญหาทางการเงิน ทั้งนี้หุ้นที่ซื้อคืนนั้นต้องได้รับการจำหน่ายออกไปภายในเวลาที่กำหนดในกฎกระทรวง
|
[
{
"law_name": "พระราชบัญญัติบริษัทมหาชนจำกัด พ.ศ. 2535",
"section_content": "พระราชบัญญัติบริษัทมหาชนจำกัด พ.ศ. 2535 มาตรา 66/1 บทบัญญัติมาตรา 66 ในส่วนที่เกี่ยวกับการที่บริษัทเป็นเจ้าของหุ้นของตนเอง มิให้นำมาใช้บังคับในกรณีดังต่อไปนี้\n(1) บริษัทอาจซื้อหุ้นคืนจากผู้ถือหุ้นที่ออกเสียงไม่เห็นด้วยกับมติของที่ประชุมผู้ถือหุ้นซึ่งแก้ไขข้อบังคับของบริษัทเกี่ยวกับสิทธิในการออกเสียงลงคะแนนและสิทธิในการรับเงินปันผล ซึ่งผู้ถือหุ้นเห็นว่าตนไม่ได้รับความเป็นธรรม\n(2) บริษัทอาจซื้อหุ้นคืนเพื่อบริหารทางการเงินเมื่อบริษัทมีกำไรสะสมและสภาพคล่องส่วนเกิน และการซื้อหุ้นคืนนั้นไม่เป็นเหตุให้บริษัทประสบปัญหาทางการเงิน\nหุ้นที่บริษัทถืออยู่นั้นจะไม่นับเป็นองค์ประชุมในการประชุมผู้ถือหุ้น รวมทั้งไม่มีสิทธิในการออกเสียงลงคะแนนและสิทธิในการรับเงินปันผลด้วย\nหุ้นที่ซื้อคืนตามวรรคหนึ่ง บริษัทจะต้องจำหน่ายออกไปภายในเวลาที่กำหนดในกฎกระทรวง ถ้าไม่จำหน่ายหรือจำหน่ายไม่หมดภายในเวลาที่กำหนด ให้บริษัทลดทุนที่ชำระแล้วโดยวิธีตัดหุ้นจดทะเบียนส่วนที่จำหน่ายไม่ได้\nการซื้อหุ้นคืนตามวรรคหนึ่ง การจำหน่ายหุ้น และการตัดหุ้นตามวรรคสาม ให้เป็นไปตามหลักเกณฑ์และวิธีการที่กำหนดในกฎกระทรวง",
"section_num": "66/1"
}
] |
บริษัทไม่สามารถเป็นเจ้าของหุ้นของตนได้ เว้นแต่ ในกรณี (1) บริษัทอาจซื้อหุ้นคืนจากผู้ถือหุ้นที่ออกเสียงไม่เห็นด้วยกับมติของที่ประชุมผู้ถือหุ้นในการแก้ไขข้อบังคับของบริษัทเกี่ยวกับสิทธิในการออกเสียงลงคะแนนและสิทธิในการรับเงินปันผล ซึ่งผู้ถือหุ้นเห็นว่าตนไม่ได้รับความเป็นธรรม หรือ (2) บริษัทอาจซื้อหุ้นของตนคืนเพื่อบริหารทางการเงิน เมื่อบริษัทมีกำไรสะสมและสภาพคล่องส่วนเกิน และการซื้อหุ้นคืนนั้นไม่เป็นเหตุให้บริษัทประสบปัญหาทางการเงิน ทั้งนี้หุ้นที่ซื้อคืนนั้นต้องได้รับการจำหน่ายออกไปภายในเวลาที่กำหนดในกฎกระทรวง
|
[
{
"law_name": "พระราชบัญญัติบริษัทมหาชนจำกัด พ.ศ. 2535",
"section_content": "พระราชบัญญัติบริษัทมหาชนจำกัด พ.ศ. 2535 มาตรา 66 บริษัทจะเป็นเจ้าของหุ้นหรือรับจำนำหุ้นของตนเองมิได้",
"section_num": "66"
}
] |
เบี้ยปรับในความผิดที่เกี่ยวกับภาษีมูลค่าเพิ่มถือเป็นส่วนหนึ่งของภาษีมูลค่าเพิ่มหรือไม่
|
ใช่ เบี้ยปรับนั้นให้ถือว่าเป็นภาษีมูลค่าเพิ่มด้วย
|
[
{
"law_name": "ประมวลรัษฎากร",
"section_content": "ประมวลรัษฎากร มาตรา 89/2 เพื่อประโยชน์ในการจัดเก็บภาษีอากร เบี้ยปรับ และเงินเพิ่มตามหมวดนี้ให้ถือเป็นภาษีมูลค่าเพิ่ม",
"section_num": "89/2"
}
] |
ใช่ เบี้ยปรับนั้นให้ถือว่าเป็นภาษีมูลค่าเพิ่มด้วย
|
[] |
พินัยกรรมสามารถทำด้วยวาจาได้หรือไม่อย่างไร
|
ได้ เฉพาะในกรณีที่ผู้ทำพินัยกรรมนั้นอยู่ในพฤติการณ์พิเศษที่ไม่สามารถจะทำพินัยกรรมตามแบบที่กฎหมายกำหนดไว้ได้ เช่น ตกอยู่ในอันตรายใกล้จะตาย หรือมีโรคระบาดหรือสงครามเกิดขึ้น โดยต้องทำพินัยกรรมต่อหน้าพยานอย่างน้อย 2 คนที่อยู่ในขณะนั้นด้วย และให้พยาน 2 คนนั้นมีหน้าที่ต้องไปแสดงตนต่อนายอำเภอโดยไม่ชักช้าและแจ้งข้อความที่ผู้ทำพินัยกรรมได้สั่งไว้ด้วยวาจา รวมถึงแจ้งวัน เดือน ปี สถานที่ที่ทำพินัยกรรมและพฤติการณ์พิเศษนั้นไว้ด้วย โดยให้นายอำเภอจดข้อความที่พยานได้แจ้งไว้ พร้อมทั้งให้พยาน 2 คนนั้นลงลายมือชื่อหรือพิมพ์ลายนิ้วมือโดยมีพยานลงลายมือชื่อรับรองอีก 2 คนก็ได้
|
[
{
"law_name": "ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์",
"section_content": "ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1663\nเมื่อมีพฤติการณ์พิเศษซึ่งบุคคลใดไม่สามารถจะทำพินัยกรรมตามแบบอื่นที่กำหนดไว้ได้ เช่น ตกอยู่ในอันตรายใกล้ความตาย หรือเวลามีโรคระบาด หรือสงคราม บุคคลนั้นจะทำพินัยกรรมด้วยวาจาก็ได้\nเพื่อการนี้ ผู้ทำพินัยกรรมต้องแสดงเจตนากำหนดข้อพินัยกรรมต่อหน้าพยานอย่างน้อยสองคนซึ่งอยู่พร้อมกัน ณ ที่นั้น\nพยานสองคนนั้นต้องไปแสดงตนต่อกรมการอำเภอโดยมิชักช้าและแจ้งข้อความที่ผู้ทำพินัยกรรมได้สั่งไว้ด้วยวาจานั้น ทั้งต้องแจ้งวัน เดือน ปี สถานที่ที่ทำพินัยกรรมและพฤติการณ์พิเศษนั้นไว้ด้วย\nให้กรมการอำเภอจดข้อความที่พยานแจ้งนั้นไว้ และพยานสองคนนั้นต้องลงลายมือชื่อไว้ หรือมิฉะนั้น จะให้เสมอกับการลงลายมือชื่อได้ก็แต่ด้วยลงลายพิมพ์นิ้วมือโดยมีพยานลงลายมือชื่อรับรองสองคน",
"section_num": "1663"
}
] |
ได้ เฉพาะในกรณีที่ผู้ทำพินัยกรรมนั้นอยู่ในพฤติการณ์พิเศษที่ไม่สามารถจะทำพินัยกรรมตามแบบที่กฎหมายกำหนดไว้ได้ เช่น ตกอยู่ในอันตรายใกล้จะตาย หรือมีโรคระบาดหรือสงครามเกิดขึ้น โดยต้องทำพินัยกรรมต่อหน้าพยานอย่างน้อย 2 คนที่อยู่ในขณะนั้นด้วย และให้พยาน 2 คนนั้นมีหน้าที่ต้องไปแสดงตนต่อนายอำเภอโดยไม่ชักช้าและแจ้งข้อความที่ผู้ทำพินัยกรรมได้สั่งไว้ด้วยวาจา รวมถึงแจ้งวัน เดือน ปี สถานที่ที่ทำพินัยกรรมและพฤติการณ์พิเศษนั้นไว้ด้วย โดยให้นายอำเภอจดข้อความที่พยานได้แจ้งไว้ พร้อมทั้งให้พยาน 2 คนนั้นลงลายมือชื่อหรือพิมพ์ลายนิ้วมือโดยมีพยานลงลายมือชื่อรับรองอีก 2 คนก็ได้
|
[] |
ความผิดในเรื่องหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ที่มีโทษปรับอย่างเดียวนั้น มีอายุความเท่าใด
|
อายุความ 1 ปี โดยเริ่มนับแต่วันที่สำนักงานคณะกรรมการ ก.ล.ต. วินิจฉัยว่า มีการกระทำความผิดเกิดขึ้นและรู้ตัวผู้กระทำความผิด แต่ไม่เกิน 5 ปีนับแต่วันที่มีการกระทำความผิดนั้น
|
[
{
"law_name": "พระราชบัญญัติหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ พ.ศ. 2535",
"section_content": "พระราชบัญญัติหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ พ.ศ. 2535 มาตรา 316/1 ความผิดตามหมวดนี้ที่มีโทษปรับสถานเดียวให้มีอายุความหนึ่งปี โดยเริ่มนับแต่วันที่สำนักงานวินิจฉัยว่ามีการกระทำความผิดเกิดขึ้นและรู้ตัวผู้กระทำความผิดแต่ต้องไม่เกินห้าปีนับแต่วันที่มีการกระทำความผิดนั้น",
"section_num": "316/1"
}
] |
อายุความ 1 ปี โดยเริ่มนับแต่วันที่สำนักงานคณะกรรมการ ก.ล.ต. วินิจฉัยว่า มีการกระทำความผิดเกิดขึ้นและรู้ตัวผู้กระทำความผิด แต่ไม่เกิน 5 ปีนับแต่วันที่มีการกระทำความผิดนั้น
|
[] |
นิติบุคคลเฉพาะกิจเพื่อการแปลงสินทรัพย์เเป็นหลักทรัพย์สามารถก่อหนี้ได้หรือไม่อย่างไร
|
นิติบุคคลเฉพาะกิจสามารถก่อหนี้ได้เฉพาะตามที่ได้ระบุไว้ในโครงการที่ได้รับอนุมัติเท่านั้น
|
[
{
"law_name": "พระราชกำหนดนิติบุคคลเฉพาะกิจเพื่อการแปลงสินทรัพย์เป็นหลักทรัพย์ พ.ศ. 2540",
"section_content": "พระราชกำหนดนิติบุคคลเฉพาะกิจเพื่อการแปลงสินทรัพย์เป็นหลักทรัพย์ พ.ศ. 2540 มาตรา 12 นิติบุคคลเฉพาะกิจต้องดำเนินการต่าง ๆ ตามที่กำหนดไว้ในโครงการที่ได้รับอนุมัติ รวมทั้งให้มีอำนาจดังต่อไปนี้ด้วย\n(1) รับโอนสินทรัพย์ หรือรับสินทรัพย์ไว้เป็นหลักประกัน\n(2) ออกหลักทรัพย์จำหน่ายแก่ผู้ลงทุน\n(3) ทำสัญญากับบุคคลต่าง ๆ เพื่อประโยชน์ในการดำเนินการให้เป็นไปตามโครงการที่ได้รับอนุมัติ\n(4) ก่อหนี้สินหรือภาระผูกพันตามที่ระบุไว้ในโครงการที่ได้รับอนุมัติ\n(5) ลงทุนหรือหาผลประโยชน์จากสินทรัพย์ที่รับโอนมาตามที่คณะกรรมการ ก.ล.ต. อนุญาต\n(6) ดำเนินการอื่นใดตามที่คณะกรรมการ ก.ล.ต. ประกาศกำหนด เพื่อประโยชน์ในการแปลงสินทรัพย์เป็นหลักทรัพย์",
"section_num": "12"
}
] |
นิติบุคคลเฉพาะกิจสามารถก่อหนี้ได้เฉพาะตามที่ได้ระบุไว้ในโครงการที่ได้รับอนุมัติเท่านั้น
|
[] |
ผู้ใดมีหน้าที่ต้องจ่ายค่าธรรมเนียมในการไถ่ถอนทรัพย์สินจากการขายฝาก
|
ผู้ไถ่ถอนทรัพย์สิน
|
[
{
"law_name": "ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์",
"section_content": "ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 500\nค่าฤชาธรรมเนียมการขายฝากซึ่งผู้ซื้อได้ออกไปนั้น ผู้ไถ่ต้องใช้ให้แก่ผู้ซื้อพร้อมกับสินไถ่\nส่วนค่าฤชาธรรมเนียมการไถ่ทรัพย์นั้น ผู้ไถ่พึงออกใช้",
"section_num": "500"
}
] |
ผู้ไถ่ถอนทรัพย์สิน
|
[] |
สิทธิและหน้าที่ของผู้ปกครองที่ศาลตั้งขึ้นมีอะไรบ้าง
|
ผู้ปกครองนั้นมีสิทธิและหน้าที่เช่นเดียวกับผู้ใช้อำนาจปกครอง ในการที่จะต้องเลี้ยงดูและให้การศึกษาแก่ผู้ที่อยู่ในความปกครอง และผู้ปกครองมีสิทธิในการกำหนดที่อยู่อาศัย หรือทำโทษตามสมควรเพื่อว่ากล่าวสั่งสอนผู้ที่อยู่ในอำนาจปกครอง หรือให้ทำงานตามสมควรกับความสามารถและฐานะ หรือสามารถเรียกผู้ที่อยู่ในความปกครองนั้นคืนจากบุคคลอื่นที่กักขังไว้โดยไม่ชอบด้วยกฎหมายได้
|
[
{
"law_name": "ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์",
"section_content": "ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1598/2\nผู้ปกครองมีสิทธิและหน้าที่เช่นเดียวกับผู้ใช้อำนาจปกครองตามมาตรา 1564 วรรคหนึ่ง และมาตรา 1567",
"section_num": "1598/2"
}
] |
ผู้ปกครองนั้นมีสิทธิและหน้าที่เช่นเดียวกับผู้ใช้อำนาจปกครอง ในการที่จะต้องเลี้ยงดูและให้การศึกษาแก่ผู้ที่อยู่ในความปกครอง และผู้ปกครองมีสิทธิในการกำหนดที่อยู่อาศัย หรือทำโทษตามสมควรเพื่อว่ากล่าวสั่งสอนผู้ที่อยู่ในอำนาจปกครอง หรือให้ทำงานตามสมควรกับความสามารถและฐานะ หรือสามารถเรียกผู้ที่อยู่ในความปกครองนั้นคืนจากบุคคลอื่นที่กักขังไว้โดยไม่ชอบด้วยกฎหมายได้.
|
[
{
"law_name": "ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์",
"section_content": "ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1564\nบิดามารดาจำต้องอุปการะเลี้ยงดูและให้การศึกษาตามสมควรแก่บุตรในระหว่างที่เป็นผู้เยาว์\nบิดามารดาจำต้องอุปการะเลี้ยงดูบุตรซึ่งบรรลุนิติภาวะแล้วแต่เฉพาะผู้ทุพพลภาพและหาเลี้ยงตนเองมิได้",
"section_num": "1564"
},
{
"law_name": "ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์",
"section_content": "ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1567\nผู้ใช้อำนาจปกครองมีสิทธิ\n(1) กำหนดที่อยู่ของบุตร\n(2) ทำโทษบุตรตามสมควรเพื่อว่ากล่าวสั่งสอน\n(3) ให้บุตรทำการงานตามสมควรแก่ความสามารถและฐานานุรูป\n(4) เรียกบุตรคืนจากบุคคลอื่นซึ่งกักบุตรไว้โดยมิชอบด้วยกฎหมาย",
"section_num": "1567"
}
] |
ค่าปรับในความผิดที่เกี่ยวกับสัญญาก่อตั้งทรัสต์ให้ตกเป็นของหน่วยงานใด
|
สำนักงาน ก.ล.ต.
|
[
{
"law_name": "พระราชบัญญัติทรัสต์เพื่อธุรกรรมในตลาดทุน พ.ศ. 2550",
"section_content": "พระราชบัญญัติทรัสต์เพื่อธุรกรรมในตลาดทุน พ.ศ. 2550 มาตรา 9 ให้สำนักงาน ก.ล.ต. มีอำนาจหน้าที่ปฏิบัติการใด ๆ เพื่อให้เป็นไปตามมติของคณะกรรมการ ก.ล.ต. และปฏิบัติงานอื่นตามบทบัญญัติแห่งพระราชบัญญัตินี้ อำนาจหน้าที่ดังกล่าวให้รวมถึง\n(1) ออกประกาศหรือคำสั่งตามพระราชบัญญัตินี้\n(2) รับค่าปรับที่เป็นโทษปรับทางปกครองและค่าธรรมเนียมที่เรียกเก็บตามพระราชบัญญัตินี้\nค่าปรับและค่าธรรมเนียมตาม (2) ให้ตกเป็นของสำนักงาน ก.ล.ต.",
"section_num": "9"
}
] |
สำนักงาน ก.ล.ต.
|
[] |
กรรมการผู้ทรงคุณวุฒิในคณะกรรมการกำกับดูแลการประกอบวิชาชีพบัญชีมีวาระการดำรงตำแหน่งกี่ปี
|
ให้มีวาระดำรงตำแหน่งคราวละ 3 ปี และสามารถได้รับการแต่งตั้งอีกก็ได้ แต่จะดำรงตำแหน่งเกิน 2 วาระติดต่อกันไม่ได้
|
[
{
"law_name": "พระราชบัญญัติวิชาชีพบัญชี พ.ศ. 2547",
"section_content": "พระราชบัญญัติวิชาชีพบัญชี พ.ศ. 2547 มาตรา 59 ให้มีคณะกรรมการกำกับดูแลการประกอบวิชาชีพบัญชี ประกอบด้วย\n(1) ปลัดประทรวงพาณิชย์เป็นประธานกรรมการ\n(2) กรรมการโดยตำแหน่ง ได้แก่ อธิบดีกรมการประกันภัย อธิบดีกรมสรรพากร ผู้ว่าการตรวจเงินแผ่นดิน ผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทย เลขาธิการสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ นายกสภาวิชาชีพบัญชี ประธานสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย ประธานสมาคมธนาคารไทย และประธานกรรมการหอการค้าไทย\n(3) กรรมการผู้ทรงคุณวุฒิซึ่งรัฐมนตรีแต่งตั้งจากผู้มีความรู้และความเชี่ยวชาญเกี่ยวกับวิชาการบัญชีสองคน และผู้ทรงคุณวุฒิทางด้านกฎหมายหนึ่งคน\nให้อธิบดีกรมพัฒนาธุรกิจการค้าเป็นกรรมการและเลขานุการ และให้แต่งตั้งเจ้าหน้าที่กรมพัฒนาธุรกิจการค้าเป็นผู้ช่วยเลขานุการตามความจำเป็น\nให้กรมพัฒนาธุรกิจการค้าทำหน้าที่ธุรการและสนับสนุนการดำเนินงานของคณะกรรมการกำกับดูแลการประกอบวิชาชีพบัญชี ตามที่คณะกรรมการกำกับดูแลการประกอบวิชาชีพบัญชีมอบหมาย\nกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิตาม (3) มีวาระการดำรงตำแหน่งคราวละสามปี และอาจได้รับการแต่งตั้งอีกได้ แต่จะดำรงตำแหน่งเกินสองวาระติดต่อกันไม่ได้",
"section_num": "59"
}
] |
ให้มีวาระดำรงตำแหน่งคราวละ 3 ปี และสามารถได้รับการแต่งตั้งอีกก็ได้ แต่จะดำรงตำแหน่งเกิน 2 วาระติดต่อกันไม่ได้
|
[] |
เจ้าหนี้มีสิทธิเพิกถอนการสละมรดกของทายาทหรือไม่อย่างไร
|
ได้ หากทายาทสละมรดกโดยรู้ว่าจะทำให้เจ้าหนี้ของตนเสียเปรียบในการได้รับชำระหนี้
|
[
{
"law_name": "ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์",
"section_content": "ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1614\nถ้าทายาทสละมรดกด้วยวิธีใดโดยที่รู้อยู่ว่าการที่ทำเช่นนั้นจะทำให้เจ้าหนี้ของตนเสียเปรียบ เจ้าหนี้มีสิทธิที่จะร้องขอให้เพิกถอนการสละมรดกนั้นเสียได้ แต่ความข้อนี้มิให้ใช้บังคับ ถ้าปรากฏว่าในขณะที่สละมรดกนั้น บุคคลซึ่งเป็นผู้ได้ลาภงอกแต่การนั้นมิได้รู้เท่าถึงข้อความจริงอันเป็นทางให้เจ้าหนี้ต้องเสียเปรียบนั้นด้วย แต่หากกรณีเป็นการสละมรดกโดยเสน่หา เพียงแต่ทายาทผู้สละมรดกเป็นผู้รู้ฝ่ายเดียวเท่านั้นก็พอแล้ว ที่จะขอเพิกถอนได้\nเมื่อได้เพิกถอนการสละมรดกแล้ว เจ้าหนี้จะร้องขอให้ศาลสั่ง เพื่อให้ตนรับมรดกแทนที่ทายาทและในสิทธิของทายาทนั้นก็ได้\nในกรณีเช่นนี้ เมื่อได้ชำระหนี้ของทายาทนั้นให้แก่เจ้าหนี้แล้ว ถ้าส่วนของทายาทนั้นยังมีเหลืออยู่อีก ก็ให้ได้แก่ผู้สืบสันดานของทายาทนั้น หรือทายาทอื่นของเจ้ามรดก แล้วแต่กรณี",
"section_num": "1614"
}
] |
ได้ หากทายาทสละมรดกโดยรู้ว่าจะทำให้เจ้าหนี้ของตนเสียเปรียบในการได้รับชำระหนี้
|
[] |
บริษัทจะต้องมีการประชุมสามัญเมื่อใดบ้าง
|
การประชุมสามัญครั้งแรกต้องประชุมใหญ่ผู้ถือหุ้นภายใน 6 เดือน นับแต่วันที่ได้จดทะเบียนบริษัท และครั้งต่อไปให้มีการประชุมสามัญอย่างน้อย 1 ครั้งในทุกๆ 12 เดือน
|
[
{
"law_name": "ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์",
"section_content": "ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1171\nให้มีการประชุมผู้ถือหุ้นทั่วไปเป็นประชุมใหญ่ภายในหกเดือนนับแต่วันที่ได้จดทะเบียนบริษัท และต่อนั้นไปก็ให้มีการประชุมเช่นนี้ครั้งหนึ่งเป็นอย่างน้อยทุกระยะเวลาสิบสองเดือน\nการประชุมเช่นนี้ เรียกว่าประชุมสามัญ\nการประชุมใหญ่คราวอื่นบรรดามีนอกจากนี้ เรียกว่าประชุมวิสามัญ",
"section_num": "1171"
}
] |
การประชุมสามัญครั้งแรกต้องประชุมใหญ่ผู้ถือหุ้นภายใน 6 เดือน นับแต่วันที่ได้จดทะเบียนบริษัท และครั้งต่อไปให้มีการประชุมสามัญอย่างน้อย 1 ครั้งในทุกๆ 12 เดือน
|
[] |
ถ้าสมาคมการค้าไม่ยอมให้สมาชิกตรวจสอบกิจการและทรัพย์สินในสมาคมนั้น มีความผิดหรือไม่อย่างไร
|
มีความผิดโดยต้องชำระค่าปรับเป็นพินัยไม่เกิน 1,000 บาท
|
[
{
"law_name": "พระราชบัญญัติสมาคมการค้า พ.ศ. 2509",
"section_content": "พระราชบัญญัติสมาคมการค้า พ.ศ. 2509 มาตรา 47 สมาคมการค้าใดไม่ยอมให้สมาชิกตรวจสอบกิจการและทรัพย์สินของสมาคมการค้านั้นตามมาตรา 20 มีความผิดทางพินัยต้องชำระค่าปรับเป็นพินัยไม่เกินหนึ่งพันบาท*",
"section_num": "47"
}
] |
มีความผิดโดยต้องชำระค่าปรับเป็นพินัยไม่เกิน 1,000 บาท
|
[
{
"law_name": "พระราชบัญญัติสมาคมการค้า พ.ศ. 2509",
"section_content": "พระราชบัญญัติสมาคมการค้า พ.ศ. 2509 มาตรา 20 สมาชิกของสมาคมการค้ามีสิทธิขอตรวจสอบกิจการและทรัพย์สินของสมาคมการค้าได้ โดยยื่นคำขอเป็นหนังสือต่อสมาคมการค้า",
"section_num": "20"
}
] |
จะขอคัดสำเนาเอกสารเกี่ยวกับสมาคมที่นายทะเบียนเก็บไว้ต้องทำอย่างไรบ้าง
|
ให้ยื่นคำขอต่อนายทะเบียน และเสียค่าธรรมเนียมตามที่กฎกระทรวงกำหนด
|
[
{
"law_name": "ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์",
"section_content": "ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 108\nผู้ใดประสงค์จะขอตรวจเอกสารเกี่ยวกับสมาคมที่นายทะเบียนเก็บรักษาไว้ หรือจะขอให้นายทะเบียนคัดสำเนาเอกสารดังกล่าว พร้อมด้วยคำรับรองว่าถูกต้อง ให้ยื่นคำขอต่อนายทะเบียน และเมื่อได้เสียค่าธรรมเนียมตามที่กำหนดในกฎกระทรวงแล้วให้นายทะเบียนปฏิบัติตามคำขอนั้น",
"section_num": "108"
}
] |
ให้ยื่นคำขอต่อนายทะเบียน และเสียค่าธรรมเนียมตามที่กฎกระทรวงกำหนด
|
[] |
ผู้มีส่วนได้เสียจะขอให้ศาลสั่งจัดการทรัพย์สินของบุคคลที่ไปจากภูมิลำเนาที่อยู่และไม่มีใครรู้ว่าผู้นั้นยังมีชีวิตอยู่อีกหรือไม่ได้เมื่อใด
|
1 ปี นับแต่วันที่บุคคลนั้นไม่อยู่ในภูมิลำเนาและไม่มีผู้ใดได้รับข่าวหรือพบเห็นบุคคลดังกล่าวแล้ว หรือ 1 ปี นับแต่วันที่มีผู้พบเห็นหรือได้ทราบข่าวเป็นครั้งหลังสุด
|
[
{
"law_name": "ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์",
"section_content": "ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 48\nถ้าบุคคลใดไปเสียจากภูมิลำเนาหรือถิ่นที่อยู่โดยมิได้ตั้งตัวแทนผู้รับมอบอำนาจทั่วไปไว้ และไม่มีใครรู้แน่ว่าบุคคลนั้นยังมีชีวิตอยู่หรือไม่ เมื่อผู้มีส่วนได้เสียหรือพนักงานอัยการร้องขอ ศาลจะสั่งให้ทำการอย่างหนึ่งอย่างใดไปพลางก่อนตามที่จำเป็นเพื่อจัดการทรัพย์สินของบุคคลผู้ไม่อยู่นั้นก็ได้\nเมื่อเวลาได้ล่วงเลยไปหนึ่งปีนับแต่วันที่ผู้ไม่อยู่นั้นไปเสียจากภูมิลำเนาหรือถิ่นที่อยู่ และไม่มีผู้ใดได้รับข่าวเกี่ยวกับบุคคลนั้นประการใดเลยก็ดี หรือหนึ่งปีนับแต่วันมีผู้ได้พบเห็นหรือได้ทราบข่าวมาเป็นครั้งหลังสุดก็ดี เมื่อบุคคลตามวรรคหนึ่งร้องขอ ศาลจะตั้งผู้จัดการทรัพย์สินของผู้ไม่อยู่ขึ้นก็ได้",
"section_num": "48"
}
] |
1 ปี นับแต่วันที่บุคคลนั้นไม่อยู่ในภูมิลำเนาและไม่มีผู้ใดได้รับข่าวหรือพบเห็นบุคคลดังกล่าวแล้ว หรือ 1 ปี นับแต่วันที่มีผู้พบเห็นหรือได้ทราบข่าวเป็นครั้งหลังสุด
|
[] |
เจ้าหนี้ที่มีบุริมสิทธิสามารถบังคับชำระหนี้จากทรัพย์สินของลูกหนี้ตามลำดับอย่างไรได้บ้างก่อนเจ้าหนี้สามัญ
|
เจ้าหนี้ที่มีบุริมสิทธิต้องบังคับชำระหนี้เอาจากสังหาริมทรัพย์ของลูกหนี้ก่อน หากยังไม่พอให้บังคับชำระหนี้เอาจากอสังหาริมทรัพย์ โดยบังคับชำระหนี้จากอสังหาริมทรัพย์ที่ไม่ได้ตกเป็นหลักประกันก่อน
|
[
{
"law_name": "ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์",
"section_content": "ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 283\nบุคคลผู้มีบุริมสิทธิสามัญต้องรับชำระหนี้เอาจากสังหาริมทรัพย์ของลูกหนี้ก่อน ต่อเมื่อยังไม่พอจึงให้เอาชำระหนี้จากอสังหาริมทรัพย์ได้\nในส่วนอสังหาริมทรัพย์นั้น ก็ต้องรับชำระหนี้เอาจากอสังหาริมทรัพย์ อันมิได้ตกอยู่ในฐานเป็นหลักประกันพิเศษเสียก่อน\nถ้าบุคคลใดมีบุริมสิทธิสามัญและละเลยด้วยความประมาทเลินเล่อไม่สอดเข้าแย้งขัดในการแบ่งเฉลี่ยทรัพย์ ตามความที่กล่าวมาในวรรคทั้งสองข้างบนนี้ไซร้ อันบุคคลนั้นจะใช้บุริมสิทธิของตนต่อบุคคลภายนอกผู้ได้จดทะเบียนสิทธิไว้แล้วเพื่อจะเอาใช้จนถึงขนาดเช่นที่ตนจะหากได้รับเพราะได้สอดเข้าแย้งขัดนั้น ท่านว่าหาอาจจะใช้ได้ไม่\nอนึ่ง บทบัญญัติที่กล่าวมาในวรรคทั้งสามข้างต้นนี้ท่านมิให้ใช้บังคับ หากว่าเงินที่ขายอสังหาริมทรัพย์ได้นั้น จะพึงต้องเอามาแบ่งเฉลี่ยก่อนเงินที่ขายทรัพย์สินอย่างอื่นก็ดี หรือหากว่าเงินที่ขายอสังหาริมทรัพย์อันตกอยู่ในฐานเป็นหลักประกันพิเศษนั้น จะพึงต้องเอามาแบ่งเฉลี่ยก่อนเงินที่ขายอสังหาริมทรัพย์อย่างอื่นก็ดุจกัน",
"section_num": "283"
}
] |
เจ้าหนี้ที่มีบุริมสิทธิต้องบังคับชำระหนี้เอาจากสังหาริมทรัพย์ของลูกหนี้ก่อน หากยังไม่พอให้บังคับชำระหนี้เอาจากอสังหาริมทรัพย์ โดยบังคับชำระหนี้จากอสังหาริมทรัพย์ที่ไม่ได้ตกเป็นหลักประกันก่อน
|
[] |
ผู้ทำพินัยกรรมสามารถแต่งตั้งบุคคลอื่นที่ไม่ใช่พ่อแม่เพื่อดูแลและจัดการทรัพย์มรดกที่ตนจะให้แก่ผู้เยาว์ได้หรือไม่อย่างไร
|
ได้ โดยผู้ทำพินัยกรรมต้องแต่งตั้งบุคคลอื่นนั้นเป็นผู้ปกครองทรัพย์เพื่อดูแลและจัดการทรัพย์มรดกที่ตนจะให้แก่ผู้เยาว์ แต่ห้ามตั้งเกินเวลาที่ผู้เยาว์นั้นได้บรรลุนิติภาวะ
|
[
{
"law_name": "ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์",
"section_content": "ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1687\nถ้าผู้ทำพินัยกรรมประสงค์จะยกทรัพย์สินให้แก่ผู้เยาว์ หรือผู้ซึ่งศาลได้สั่งให้เป็นคนไร้ความสามารถ หรือเสมือนไร้ความสามารถ หรือแก่ผู้ซึ่งต้องรักษาตัวอยู่ในโรงพยาบาลเพราะเหตุวิกลจริต แต่ต้องการมอบการเก็บรักษาและจัดการทรัพย์สินนั้นแก่บุคคลอื่นนอกจากบิดามารดา ผู้ปกครอง ผู้อนุบาล หรือผู้พิทักษ์ของบุคคลเช่นนั้น ผู้ทำพินัยกรรมต้องตั้งผู้ปกครองทรัพย์ขึ้น\nการตั้งผู้ปกครองทรัพย์นี้ ห้ามมิให้ตั้งขึ้นเป็นเวลาเกินกว่ากำหนดแห่งการเป็นผู้เยาว์ หรือกำหนดที่ศาลได้สั่งให้เป็นคนไร้ความสามารถ หรือเสมือนไร้ความสามารถ หรือกำหนดที่ต้องรักษาตัวอยู่ในโรงพยาบาล แล้วแต่กรณี",
"section_num": "1687"
}
] |
ได้ โดยผู้ทำพินัยกรรมต้องแต่งตั้งบุคคลอื่นนั้นเป็นผู้ปกครองทรัพย์เพื่อดูแลและจัดการทรัพย์มรดกที่ตนจะให้แก่ผู้เยาว์ แต่ห้ามตั้งเกินเวลาที่ผู้เยาว์นั้นได้บรรลุนิติภาวะ
|
[] |
ถ้าผู้พิทักษ์ไม่อนุญาตให้คนเสมือนไร้ความสามารถกู้ยืมเงิน คนเสมือนไร้ความสามารถจะทำอย่างไรได้บ้าง
|
คนเสมือนไร้ความสามารถอาจร้องขอให้ศาลมีคำสั่งอนุญาตได้ให้ตนกู้ยืมเงินนั้นได้ โดยไม่ต้องได้รับความยินยอมจากผู้พิทักษ์ ถ้าหากการกู้ยืมเงินนั้นเป็นประโยชน์แก่คนเสมือนไร้ความสามารถ และผู้พิทักษ์ไม่ยินยอมให้ทำการกู้ยืมนั้นโดยปราศจากเหตุอันสมควร
|
[
{
"law_name": "ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์",
"section_content": "ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 35\nในกรณีที่ผู้พิทักษ์ไม่ยินยอมให้คนเสมือนไร้ความสามารถกระทำการอย่างหนึ่งอย่างใดตามมาตรา 34 โดยปราศจากเหตุผลอันสมควร เมื่อคนเสมือนไร้ความสามารถร้องขอ ศาลจะมีคำสั่งอนุญาตให้กระทำการนั้นโดยไม่ต้องรับความยินยอมจากผู้พิทักษ์ก็ได้ ถ้าการนั้นจะเป็นคุณประโยชน์แก่คนเสมือนไร้ความสามารถ",
"section_num": "35"
}
] |
คนเสมือนไร้ความสามารถอาจร้องขอให้ศาลมีคำสั่งอนุญาตได้ให้ตนกู้ยืมเงินนั้นได้ โดยไม่ต้องได้รับความยินยอมจากผู้พิทักษ์ ถ้าหากการกู้ยืมเงินนั้นเป็นประโยชน์แก่คนเสมือนไร้ความสามารถ และผู้พิทักษ์ไม่ยินยอมให้ทำการกู้ยืมนั้นโดยปราศจากเหตุอันสมควร
|
[
{
"law_name": "ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์",
"section_content": "ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 34\nคนเสมือนไร้ความสามารถนั้น ต้องได้รับความยินยอมของผู้พิทักษ์ก่อนแล้วจึงจะทำการอย่างหนึ่งอย่างใดดังต่อไปนี้ได้\n(1) นำทรัพย์สินไปลงทุน\n(2) รับคืนทรัพย์สินที่ไปลงทุน ต้นเงินหรือทุนอย่างอื่น\n(3) กู้ยืมหรือให้กู้ยืมเงิน ยืมหรือให้ยืมสังหาริมทรัพย์อันมีค่า\n(4) รับประกันโดยประการใด ๆ อันมีผลให้ตนต้องถูกบังคับชำระหนี้\n(5) เช่าหรือให้เช่าสังหาริมทรัพย์มีกำหนดระยะเวลาเกินกว่าหกเดือน หรืออสังหาริมทรัพย์มีกำหนดระยะเวลาเกินกว่าสามปี\n(6) ให้โดยเสน่หา เว้นแต่การให้ที่พอควรแก่ฐานานุรูป เพื่อการกุศล การสังคม หรือตามหน้าที่ธรรมจรรยา\n(7) รับการให้โดยเสน่หาที่มีเงื่อนไขหรือค่าภาระติดพัน หรือไม่รับการให้โดยเสน่หา\n(8) ทำการอย่างหนึ่งอย่างใดเพื่อจะได้มาหรือปล่อยไปซึ่งสิทธิในอสังหาริมทรัพย์หรือในสังหาริมทรัพย์อันมีค่า\n(9) ก่อสร้างหรือดัดแปลงโรงเรือนหรือสิ่งปลูกสร้างอย่างอื่น หรือซ่อมแซมอย่างใหญ่\n(10) เสนอคดีต่อศาลหรือดำเนินกระบวนพิจารณาใด ๆ เว้นแต่การร้องขอตามมาตรา 35 หรือการร้องขอถอนผู้พิทักษ์\n(11) ประนีประนอมยอมความหรือมอบข้อพิพาทให้อนุญาโตตุลาการวินิจฉัย\nถ้ามีกรณีอื่นใดนอกจากที่กล่าวในวรรคหนึ่ง ซึ่งคนเสมือนไร้ความสามารถอาจจัดการไปในทางเสื่อมเสียแก่ทรัพย์สินของตนเองหรือครอบครัว ในการสั่งให้บุคคลใดเป็นคนเสมือนไร้ความสามารถ หรือเมื่อผู้พิทักษ์ร้องขอในภายหลัง ศาลมีอำนาจสั่งให้คนเสมือนไร้ความสามารถนั้นต้องได้รับความยินยอมของผู้พิทักษ์ก่อนจึงจะทำการนั้นได้\nในกรณีที่คนเสมือนไร้ความสามารถไม่สามารถจะทำการอย่างหนึ่งอย่างใดที่กล่าวมาในวรรคหนึ่งหรือวรรคสองได้ด้วยตนเอง เพราะเหตุมีกายพิการหรือมีจิตฟั่นเฟือนไม่สมประกอบ ศาลจะสั่งให้ผู้พิทักษ์เป็นผู้มีอำนาจกระทำการนั้นแทนคนเสมือนไร้ความสามารถก็ได้ ในกรณีเช่นนี้ ให้นำบทบัญญัติที่เกี่ยวกับผู้อนุบาลมาใช้บังคับแก่ผู้พิทักษ์โดยอนุโลม\nคำสั่งของศาลตามมาตรานี้ ให้ประกาศในราชกิจจานุเบกษา\nการใดกระทำลงโดยฝ่าฝืนบทบัญญัติมาตรานี้ การนั้นเป็นโมฆียะ",
"section_num": "34"
}
] |
ค่าอุปกรณ์แห่งค่าระวางพาหนะ หมายถึงอะไร
|
ค่าผ่านด่านซึ่งเป็นค่าใช้จ่ายที่ผู้ขนส่งที่จ่ายไปในระหว่างการขนส่งของ
|
[
{
"law_name": "ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์",
"section_content": "ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 611\nอันว่าอุปกรณ์แห่งค่าระวางพาหนะนั้น ได้แก่ค่าใช้จ่ายอย่างใด ๆ ตามจารีตประเพณีอันผู้ขนส่งได้เสียไปโดยควรในระหว่างขนส่ง",
"section_num": "611"
}
] |
ค่าผ่านด่านซึ่งเป็นค่าใช้จ่ายที่ผู้ขนส่งที่จ่ายไปในระหว่างการขนส่งของ
|
[] |
หากบริษัทไม่ได้เอาหุ้นที่ริบไว้ขายทอดตลาดจะมีความผิดอย่างไรบ้าง
|
มีความผิดต้องชำระค่าปรับไม่เกิน 20,000 บาท
|
[
{
"law_name": "พระราชบัญญัติกำหนดความผิดเกี่ยวกับห้างหุ้นส่วนจดทะเบียน ห้างหุ้นส่วนจำกัด บริษัทจำกัด สมาคม และมูลนิธิ พ.ศ. 2499",
"section_content": "พระราชบัญญัติกำหนดความผิดเกี่ยวกับห้างหุ้นส่วนจดทะเบียน ห้างหุ้นส่วนจำกัด บริษัทจำกัด สมาคม และมูลนิธิ พ.ศ. 2499 มาตรา 7 บริษัทจำกัดใดไม่เอาหุ้นซึ่งริบแล้วออกขายทอดตลาด ไม่หักใช้ค่าหุ้นที่เรียกกับดอกเบี้ยค้างชำระ หรือไม่ส่งคืนเงินเหลือให้แก่ผู้ถือหุ้นตามมาตรา 1125 แห่งประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มีความผิดทางพินัยต้องชำระค่าปรับเป็นพินัยไม่เกินสองหมื่นบาท*",
"section_num": "7"
}
] |
มีความผิดต้องชำระค่าปรับไม่เกิน 20,000 บาท
|
[
{
"law_name": "ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์",
"section_content": "ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1125\nหุ้นซึ่งริบแล้วนั้นให้เอาออกขายทอดตลาดโดยไม่ชักช้า ได้จำนวนเงินเท่าใดให้เอาหักใช้ค่าหุ้นที่เรียกกับดอกเบี้ยค้างชำระ ถ้ายังมีเงินเหลือเท่าใดต้องส่งคืนให้แก่ผู้ถือหุ้นนั้น",
"section_num": "1125"
}
] |
การซื้อขายสินทรัพย์ดิจิทัลแล้วทำให้ผู้อื่นเข้าใจผิดเกี่ยวกับราคาในการซื้อขายสินทรัพย์ดิจิทัลจะทำได้หรือไม่อย่างไร
|
ไม่ได้ เว้นแต่ การซื้อขายสินทรัพย์ดิจิทัลนั้นจะได้ทำตามหลักเกณฑ์ เงื่อนไข และวิธีการที่คณะกรรมการ ก.ล.ต. ประกาศกำหนดแล้วเท่านั้น
|
[
{
"law_name": "พระราชกำหนดการประกอบธุรกิจสินทรัพย์ดิจิทัล พ.ศ. 2561",
"section_content": "พระราชกำหนดการประกอบธุรกิจสินทรัพย์ดิจิทัล พ.ศ. 2561 มาตรา 47 มิให้นำมาตรา 46 มาใช้บังคับแก่การซื้อหรือขายสินทรัพย์ดิจิทัลที่เป็นไปตามหลักเกณฑ์ เงื่อนไข และวิธีการที่คณะกรรมการ ก.ล.ต. ประกาศกำหนด",
"section_num": "47"
}
] |
ไม่ได้ เว้นแต่ การซื้อขายสินทรัพย์ดิจิทัลนั้นจะได้ทำตามหลักเกณฑ์ เงื่อนไข และวิธีการที่คณะกรรมการ ก.ล.ต. ประกาศกำหนดแล้วเท่านั้น
|
[
{
"law_name": "พระราชกำหนดการประกอบธุรกิจสินทรัพย์ดิจิทัล พ.ศ. 2561",
"section_content": "พระราชกำหนดการประกอบธุรกิจสินทรัพย์ดิจิทัล พ.ศ. 2561 มาตรา 46 ห้ามมิให้บุคคลใดกระทำการ ดังต่อไปนี้\n(1) ส่งคำสั่งซื้อหรือขายสินทรัพย์ดิจิทัล หรือซื้อหรือขายสินทรัพย์ดิจิทัล อันเป็นการทำให้บุคคลทั่วไปเข้าใจผิดเกี่ยวกับราคาหรือปริมาณการซื้อหรือขายสินทรัพย์ดิจิทัล\n(2) ส่งคำสั่งซื้อหรือขายสินทรัพย์ดิจิทัล หรือซื้อหรือขายสินทรัพย์ดิจิทัล ในลักษณะต่อเนื่องกันโดยมุ่งหมายให้ราคาสินทรัพย์ดิจิทัลหรือปริมาณการซื้อหรือขายสินทรัพย์ดิจิทัลนั้นผิดไปจากสภาพปกติของตลาด",
"section_num": "46"
}
] |
หากทายาทที่ได้รับส่วนแบ่งในทรัพย์มรดกแล้วถูกรอนสิทธิไป ทายาทคนนั้นสามารถเรียกร้องอะไรได้บ้าง
|
สามารถเรียกให้ทายาทคนอื่น ๆ ใช้ค่าทดแทนตามส่วนแห่งแบ่งที่ตนควรได้รับหักจำนวนที่เป็นส่วนเฉลี่ยที่ตนต้องรับผิดชอบให้แก่ตนได้ เว้นแต่มีการตกลงกันไว้เป็นอย่างอื่น หรือการรอนสิทธินั้นเป็นความผิดของทายาทผู้ถูกรอนสิทธิ หรือเหตุอื่นที่เกิดขึ้นภายหลังการแบ่งมรดกแล้วโดยทายาทที่ถูกรอนสิทธินั้นจะต้องไม่เป็นผู้รับพินัยกรรมลักษณะเฉพาะซึ่งได้รับทรัพย์สินเฉพาะสิ่งตามที่ผู้ทำพินัยกรรมได้ระบุไว้
|
[
{
"law_name": "ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์",
"section_content": "ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1751\nภายหลังที่ได้แบ่งมรดกกันแล้ว ถ้าทรัพย์สินทั้งหมดหรือบางส่วน ซึ่งทายาทคนใดคนหนึ่งได้รับตามส่วนแบ่งปันนั้น หลุดมือไปจากทายาทคนนั้นเนื่องจากการรอนสิทธิ ทายาทคนอื่น ๆ จำต้องใช้ค่าทดแทน\nหนี้เช่นว่านั้น เป็นอันระงับเมื่อมีการตกลงกันไว้เป็นอย่างอื่น หรือการรอนสิทธิเป็นผลเนื่องมาจากความผิดของทายาทผู้ถูกรอนสิทธิ หรือเนื่องมาจากเหตุซึ่งเกิดขึ้นภายหลังการแบ่งปัน\nทายาทคนอื่น ๆ ต้องใช้ค่าทดแทนให้แก่ทายาทผู้ถูกรอนสิทธิตามส่วนแห่งส่วนแบ่งของตน แต่ให้หักจำนวนที่เป็นส่วนเฉลี่ย ซึ่งทายาทผู้ถูกรอนสิทธิจะต้องออกกับเขาด้วยนั้นออกเสีย แต่ถ้าทายาทคนใดคนหนึ่งเป็นคนหนี้สินล้นพ้นตัว ทายาทคนอื่น ๆ ต้องรับผิดในส่วนของทายาทคนนั้นตามส่วนเฉลี่ยเช่นเดียวกัน แต่ให้หักจำนวนที่เป็นส่วนเฉลี่ยซึ่งทายาทผู้ที่จะได้รับค่าทดแทนจะต้องออกแทนทายาทผู้ที่มีหนี้สินล้นพ้นตัวนั้นออกเสีย\nบทบัญญัติในวรรคก่อน ๆ มิให้ใช้บังคับแก่ผู้รับพินัยกรรมลักษณะเฉพาะ",
"section_num": "1751"
}
] |
สามารถเรียกให้ทายาทคนอื่น ๆ ใช้ค่าทดแทนตามส่วนแห่งแบ่งที่ตนควรได้รับหักจำนวนที่เป็นส่วนเฉลี่ยที่ตนต้องรับผิดชอบให้แก่ตนได้.
|
[] |
หากผู้ชำระบัญชีได้ดำเนินการเพื่อสะสางกิจการที่ค้างอยู่ให้เสร็จในบริษัทมหาชนแล้วทำให้บริษัทนั้นเกิดการขาดทุนขึ้น ผู้ชำระบัญชีต้องรับผิดด้วยหรือไม่อย่างไร
|
ไม่ต้องรับผิด หากผู้ชำระบัญชีได้ดำเนินการสะสางกิจการของบริษัทมหาชนที่ค้างอยู่นั้นเฉพาะเท่าที่จำเป็น และไม่ได้มีการดำเนินกิจการของบริษัทนั้นขึ้นใหม่
|
[
{
"law_name": "พระราชบัญญัติบริษัทมหาชนจำกัด พ.ศ. 2535",
"section_content": "พระราชบัญญัติบริษัทมหาชนจำกัด พ.ศ. 2535 มาตรา 160 ผู้ชำระบัญชีมีอำนาจและหน้าที่ดังต่อไปนี้\n(1) ดำเนินการงานของบริษัทเฉพาะที่จำเป็นเพื่อชำระสะสางกิจการงานที่ค้างอยู่ให้เสร็จสิ้นไป แต่ห้ามมิให้ดำเนินกิจการขึ้นใหม่\n(2) เก็บรวบรวมและรับเงินหรือทรัพย์สินที่บริษัทมีสิทธิจะได้รับจากบุคคลอื่นหรือขายทรัพย์สินของบริษัท\n(3) ดำเนินการทั้งปวงเกี่ยวกับคดีแพ่งหรือคดีอาญา หรือประนีประนอมยอมความในเรื่องใด ๆ ในนามของบริษัท\n(4) ชำระหนี้ในนามของบริษัท\n(5) เรียกประชุมผู้ถือหุ้น\n(6) แบ่งเงินหรือทรัพย์สินที่เหลืออยู่ภายหลังการชำระหนี้ให้แก่ผู้ถือหุ้น\n(7) ดำเนินการตามมาตรา 11 วรรคสาม\n(8) ดำเนินการอย่างอื่นที่จำเป็นเพื่อให้การชำระบัญชีเสร็จสิ้น\nในกรณีที่ผู้ชำระบัญชีดำเนินกิจการตาม (1) เกินความจำเป็น จนเป็นเหตุให้เกิดการขาดทุนขึ้น ผู้ชำระบัญชีต้องรับผิดต่อบริษัทในส่วนที่ขาดทุนนั้น",
"section_num": "160"
}
] |
ไม่ต้องรับผิด หากผู้ชำระบัญชีได้ดำเนินการสะสางกิจการของบริษัทมหาชนที่ค้างอยู่นั้นเฉพาะเท่าที่จำเป็น และไม่ได้มีการดำเนินกิจการของบริษัทนั้นขึ้นใหม่
|
[
{
"law_name": "พระราชบัญญัติบริษัทมหาชนจำกัด พ.ศ. 2535",
"section_content": "พระราชบัญญัติบริษัทมหาชนจำกัด พ.ศ. 2535 มาตรา 11 บริษัทต้องปฏิบัติดังต่อไปนี้\n(1) ใช้ชื่อ ซึ่งต้องมีคำว่า “บริษัท” นำหน้า และ “จำกัด (มหาชน)” ต่อท้าย หรือจะใช้อักษรย่อว่า “บมจ.” นำหน้า แทนคำว่า “บริษัท” และ “จำกัด (มหาชน)” ก็ได้ แต่ในกรณีที่ใช้ชื่อเป็นอักษรภาษาต่างประเทศ จะใช้คำซึ่งมีความหมายว่าเป็น “บริษัทมหาชนจำกัด” ตามที่กำหนดในกฎกระทรวงแทนก็ได้\n(2) แสดงชื่อ ที่ตั้งสำนักงาน และเลขทะเบียนบริษัทไว้ในจดหมาย ประกาศ ใบแจ้งความ ใบส่งของและใบเสร็จรับเงิน\n(3) แสดงชื่อบริษัทไว้ในดวงตรา (ถ้ามี)\n(4) จัดให้มีป้ายชื่อบริษัทไว้หน้าสำนักงานใหญ่และสำนักงานสาขา (ถ้ามี) และดำเนินการมิให้มีป้ายชื่อดังกล่าวในกรณีที่ไม่ใช้สถานที่นั้นเป็นสำนักงานหรือสำนักงานสาขาหรือในกรณีที่จดทะเบียนเลิกบริษัทหรือสาขาบริษัทแล้ว\nบริษัทที่ประกอบธุรกิจประเภทใดจะได้รับยกเว้นไม่ต้องปฏิบัติตาม (1) ให้เป็นไปตามที่กำหนดในกฎกระทรวง\nการจัดให้มีหรือการดำเนินการมิให้มีป้ายชื่อตาม (4) ต้องกระทำภายในสิบสี่วันนับแต่วันจดทะเบียนบริษัท หรือไม่ใช้สถานที่นั้นเป็นสำนักงานใหญ่หรือสำนักงานสาขาหรือจดทะเบียนเลิกบริษัทหรือเลิกสาขาบริษัท แล้วแต่กรณี",
"section_num": "11"
}
] |
ผู้ขนส่งของสามารถตกลงยกเว้นความรับผิดของตนไว้ในใบตราส่งได้หรือไม่อย่างไร
|
ไม่ได้ หากมีข้อความยกเว้นความรับผิดของตนในใบตราส่ง จะถือว่าเป็นโมฆะไช้ไม่ได้ เว้นแต่ผู้ส่งของได้ตกลงอย่างชัดแจ้งให้ยกเว้นความรับผิดของผู้ขนส่งนั้นด้วย
|
[
{
"law_name": "ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์",
"section_content": "ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 625\nใบรับ ใบตราส่ง หรือเอกสารอื่น ๆ ทำนองนั้นก็ดี ซึ่งผู้ขนส่งออกให้แก่ผู้ส่งนั้น ถ้ามีข้อความยกเว้นหรือจำกัดความรับผิดของผู้ขนส่งประการใด ท่านว่าความนั้นเป็นโมฆะ เว้นแต่ผู้ส่งจะได้แสดงความตกลงด้วยชัดแจ้งในการยกเว้นหรือจำกัดความรับผิดเช่นว่านั้น",
"section_num": "625"
}
] |
ไม่ได้ หากมีข้อความยกเว้นความรับผิดของตนในใบตราส่ง จะถือว่าเป็นโมฆะไช้ไม่ได้ เว้นแต่ผู้ส่งของได้ตกลงอย่างชัดแจ้งให้ยกเว้นความรับผิดของผู้ขนส่งนั้นด้วย.
|
[] |
ทะเบียนผู้ถือหุ้นของบริษัทมหาชนต้องมีรายการใดบ้าง
|
ชื่อ สัญชาติ และที่อยู่ของผู้ถือหุ้น, ชนิด มูลค่า เลขที่ใบหุ้น และจำนวนหุ้น, วันเดือนปีที่ลงทะเบียนเป็นหรือขาดจากการเป็นผู้ถือหุ้น
|
[
{
"law_name": "พระราชบัญญัติบริษัทมหาชนจำกัด พ.ศ. 2535",
"section_content": "พระราชบัญญัติบริษัทมหาชนจำกัด พ.ศ. 2535 มาตรา 61 บริษัทต้องจัดให้มีทะเบียนผู้ถือหุ้นซึ่งอย่างน้อยต้องมีรายการดังต่อไปนี้\n(1) ชื่อ สัญชาติ และที่อยู่ของผู้ถือหุ้น\n(2) ชนิด มูลค่า เลขที่ใบหุ้น และจำนวนหุ้น\n(3) วันเดือนปี ที่ลงทะเบียนเป็นหรือขาดจากการเป็นผู้ถือหุ้น",
"section_num": "61"
}
] |
ชื่อ สัญชาติ และที่อยู่ของผู้ถือหุ้น, ชนิด มูลค่า เลขที่ใบหุ้น และจำนวนหุ้น, วันเดือนปีที่ลงทะเบียนเป็นหรือขาดจากการเป็นผู้ถือหุ้น
|
[] |
หากบริษัทไม่มีการจัดทำบัญชีจะมีความผิดหรือไม่อย่างไร
|
มีความผิด โดยต้องรับโทษชำระค่าปรับเป็นพินัยไม่เกิน 30,000 บาท และชำระค่าปรับเป็นพินัยเป็นรายวันอีกไม่เกินวันละ 1,000 บาทจนกว่าจะมีการจัดทำบัญชีนั้น
|
[
{
"law_name": "พระราชบัญญัติการบัญชี พ.ศ. 2543",
"section_content": "พระราชบัญญัติการบัญชี พ.ศ. 2543 มาตรา 28 ผู้มีหน้าที่จัดทำบัญชีผู้ใดไม่จัดให้มีการทำบัญชีตามมาตรา 8 หรือมาตรา 9 มีความผิดทางพินัยต้องชำระค่าปรับเป็นพินัยไม่เกินสามหมื่นบาท และชำระค่าปรับเป็นพินัยเป็นรายวันอีกไม่เกินวันละหนึ่งพันบาท*จนกว่าจะปฏิบัติให้ถูกต้อง",
"section_num": "28"
}
] |
มีความผิด โดยต้องรับโทษชำระค่าปรับเป็นพินัยไม่เกิน 30,000 บาท และชำระค่าปรับเป็นพินัยเป็นรายวันอีกไม่เกินวันละ 1,000 บาทจนกว่าจะมีการจัดทำบัญชีนั้น
|
[
{
"law_name": "พระราชบัญญัติการบัญชี พ.ศ. 2543",
"section_content": "พระราชบัญญัติการบัญชี พ.ศ. 2543 มาตรา 8 ให้ห้างหุ้นส่วนจดทะเบียน บริษัทจำกัด บริษัทมหาชนจำกัด ที่จัดตั้งขึ้นตามกฎหมายไทย นิติบุคคลที่ตั้งขึ้นตามกฎหมายต่างประเทศที่ประกอบธุรกิจในประเทศไทย กิจการร่วมค้าตามประมวลรัษฎากร เป็นผู้มีหน้าที่จัดทำบัญชี และต้องจัดให้มีการทำบัญชีสำหรับการประกอบธุรกิจของตนโดยมีรายละเอียด หลักเกณฑ์ และวิธีการตามที่บัญญัติไว้ในพระราชบัญญัตินี้\nในกรณีที่ผู้มีหน้าที่จัดทำบัญชีประกอบธุรกิจเป็นประจำในสถานที่หลายแห่งแยกจากกัน ให้ผู้มีหน้าที่รับผิดชอบในการจัดการธุรกิจในสถานที่นั้นเป็นผู้มีหน้าที่จัดทำบัญชี\nในกรณีที่ผู้มีหน้าที่จัดทำบัญชีเป็นกิจการร่วมค้าตามประมวลรัษฎากร ให้บุคคลซึ่งรับผิดชอบในการดำเนินการของกิจการนั้นเป็นผู้มีหน้าที่จัดทำบัญชี\nรัฐมนตรีโดยความเห็นชอบของคณะรัฐมนตรีมีอำนาจประกาศในราชกิจจานุเบกษา กำหนดให้บุคคลธรรมดาใดหรือห้างหุ้นส่วนที่มิได้จดทะเบียนที่ประกอบธุรกิจใดในประเทศไทยตามเงื่อนไขใดเป็นผู้มีหน้าที่จัดทำบัญชีตามพระราชบัญญัตินี้ได้\nประกาศของรัฐมนตรีตามวรรคสี่ ให้ประกาศในราชกิจจานุเบกษาล่วงหน้าไม่น้อยกว่าหกเดือนก่อนวันใช้บังคับ\nในกรณีที่มีประกาศของรัฐมนตรีตามวรรคสี่ ให้อธิบดีกำหนดหลักเกณฑ์และวิธีการเกี่ยวกับวันเริ่มทำบัญชีครั้งแรก และกำหนดวิธีการจัดทำบัญชีของบุคคลธรรมดาหรือห้างหุ้นส่วนที่มิได้จดทะเบียนนั้น",
"section_num": "8"
},
{
"law_name": "พระราชบัญญัติการบัญชี พ.ศ. 2543",
"section_content": "พระราชบัญญัติการบัญชี พ.ศ. 2543 มาตรา 9 ผู้มีหน้าที่จัดทำบัญชีต้องจัดให้มีการทำบัญชีนับแต่วันเริ่มทำบัญชี ดังต่อไปนี้เป็นต้นไป\n(1) ห้างหุ้นส่วนจดทะเบียน บริษัทจำกัด หรือบริษัทมหาชนจำกัด ให้เริ่มทำบัญชีนับแต่วันที่ห้างหุ้นส่วนจดทะเบียน บริษัทจำกัด หรือบริษัทมหาชนจำกัดนั้น ได้รับการจดทะเบียนเป็นนิติบุคคลตามกฎหมาย\n(2) นิติบุคคลที่ตั้งขึ้นตามกฎหมายต่างประเทศที่ประกอบธุรกิจในประเทศไทย ให้เริ่มทำบัญชีนับแต่วันที่นิติบุคคลที่ตั้งขึ้นตามกฎหมายต่างประเทศนั้นได้เริ่มต้นประกอบธุรกิจในประเทศไทย\n(3) กิจการร่วมค้าตามประมวลรัษฎากร ให้เริ่มทำบัญชีนับแต่วันที่กิจการร่วมค้านั้นได้เริ่มต้นประกอบกิจการ\n(4) สถานที่ประกอบธุรกิจเป็นประจำตามมาตรา 8 วรรคสอง ให้เริ่มทำบัญชีนับแต่วันที่สถานที่ประกอบธุรกิจเป็นประจำนั้นเริ่มต้นประกอบกิจการ",
"section_num": "9"
}
] |
กรณีกรรมการของบริษัทไม่ปฏิบัติตามมาตรา 89/14 พระราชบัญญัติหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ พ.ศ. 2535 ต้องรับผิดอย่างไร
|
ต้องระวางโทษปรับไม่เกินห้าแสนบาท และปรับอีกไม่เกินวันละสามพันบาทตลอดเวลาที่ยังมิได้ปฏิบัติให้ถูกต้อง ตามมาตรา 281/3 พระราชบัญญัติหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ พ.ศ. 2535 กรรมการหรือผู้บริหารบริษัทผู้ใดไม่ปฏิบัติตามมาตรา 89/14ต้องระวางโทษปรับไม่เกินห้าแสนบาท และปรับอีกไม่เกินวันละสามพันบาทตลอดเวลาที่ยังมิได้ปฏิบัติให้ถูกต้อง
|
[
{
"law_name": "พระราชบัญญัติหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ พ.ศ. 2535",
"section_content": "พระราชบัญญัติหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ พ.ศ. 2535 มาตรา 281/3 กรรมการหรือผู้บริหารบริษัทผู้ใดไม่ปฏิบัติตามมาตรา 89/14ต้องระวางโทษปรับไม่เกินห้าแสนบาท และปรับอีกไม่เกินวันละสามพันบาทตลอดเวลาที่ยังมิได้ปฏิบัติให้ถูกต้อง",
"section_num": "281/3"
}
] |
ต้องระวางโทษปรับไม่เกินห้าแสนบาท และปรับอีกไม่เกินวันละสามพันบาทตลอดเวลาที่ยังมิได้ปฏิบัติให้ถูกต้อง
|
[
{
"law_name": "พระราชบัญญัติหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ พ.ศ. 2535",
"section_content": "พระราชบัญญัติหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ พ.ศ. 2535 มาตรา 89/14 กรรมการและผู้บริหารต้องรายงานให้บริษัททราบถึงการมีส่วนได้เสียของตนหรือของบุคคลที่มีความเกี่ยวข้องซึ่งเป็นส่วนได้เสียที่เกี่ยวข้องกับการบริหารจัดการกิจการของบริษัทหรือบริษัทย่อยทั้งนี้ ตามหลักเกณฑ์ เงื่อนไขและวิธีการที่คณะกรรมการกำกับตลาดทุนประกาศกำหนด",
"section_num": "89/14"
}
] |
การส่งคืนทรัพย์สินแก่บุคคลผู้มีสิทธิเอาคืน ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ต้องดำเนินการอย่างไร
|
ต้องนำบทบัญญัติว่าด้วลาภมิควรได้มาใช้โดยอนุโลม คำอธิบายเพิ่มเติม : ตามมาตรา 1376 ถ้าจะต้องส่งทรัพย์สินคืนแก่บุคคลผู้มีสิทธิเอาคืนไซร้ ท่านให้นำบทบัญญัติมาตรา 412 ถึง 418 แห่งประมวลกฎหมายนี้ว่าด้วยลาภมิควรได้มาใช้บังคับโดยอนุโลม
|
[
{
"law_name": "ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์",
"section_content": "ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1376\nถ้าจะต้องส่งทรัพย์สินคืนแก่บุคคลผู้มีสิทธิเอาคืนไซร้ ท่านให้นำบทบัญญัติมาตรา 412 ถึง 418 แห่งประมวลกฎหมายนี้ว่าด้วยลาภมิควรได้มาใช้บังคับโดยอนุโลม",
"section_num": "1376"
}
] |
ต้องนำบทบัญญัติว่าด้วยลาภมิควรได้มาใช้โดยอนุโลม
|
[
{
"law_name": "ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์",
"section_content": "ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 412\nถ้าทรัพย์สินซึ่งได้รับไว้เป็นลาภมิควรได้นั้นเป็นเงินจำนวนหนึ่ง ท่านว่าต้องคืนเต็มจำนวนนั้น เว้นแต่เมื่อบุคคลได้รับไว้โดยสุจริต จึงต้องคืนลาภมิควรได้เพียงส่วนที่ยังมีอยู่ในขณะเมื่อเรียกคืน",
"section_num": "412"
},
{
"law_name": "ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์",
"section_content": "ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 413\nเมื่อทรัพย์สินอันจะต้องคืนนั้นเป็นอย่างอื่นนอกจากจำนวนเงิน และบุคคลได้รับไว้โดยสุจริต ท่านว่าบุคคลเช่นนั้นจำต้องคืนทรัพย์สินเพียงตามสภาพที่เป็นอยู่ และมิต้องรับผิดชอบในการที่ทรัพย์นั้นสูญหายหรือบุบสลาย แต่ถ้าได้อะไรมาเป็นค่าสินไหมทดแทนเพื่อการสูญหายหรือบุบสลายเช่นนั้นก็ต้องให้ไปด้วย\nถ้าบุคคลได้รับทรัพย์สินไว้โดยทุจริต ท่านว่าจะต้องรับผิดชอบในการสูญหายหรือบุบสลายนั้นเต็มภูมิ แม้กระทั่งการสูญหายหรือบุบสลายจะเกิดเพราะเหตุสุดวิสัย เว้นแต่จะพิสูจน์ได้ว่าถึงอย่างไรทรัพย์สินนั้นก็คงต้องสูญหายหรือบุบสลายอยู่นั่นเอง",
"section_num": "413"
},
{
"law_name": "ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์",
"section_content": "ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 414\nถ้าการคืนทรัพย์ตกเป็นพ้นวิสัยเพราะสภาพแห่งทรัพย์สินที่ได้รับไว้นั้นเองก็ดี หรือเพราะเหตุอย่างอื่นก็ดี และบุคคลได้รับทรัพย์สินไว้โดยสุจริต ท่านว่าบุคคลเช่นนั้นจำต้องคืนลาภมิควรได้เพียงส่วนที่ยังมีอยู่ในขณะเมื่อเรียกคืน\nถ้าบุคคลได้รับทรัพย์สินนั้นไว้โดยทุจริต ท่านว่าต้องใช้ราคาทรัพย์สินนั้นเต็มจำนวน",
"section_num": "414"
},
{
"law_name": "ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์",
"section_content": "ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 415\nบุคคลผู้ได้รับทรัพย์สินไว้โดยสุจริตย่อมจะได้ดอกผลอันเกิดแต่ทรัพย์สินนั้นตลอดเวลาที่ยังคงสุจริตอยู่\nถ้าผู้ที่ได้รับไว้จะต้องคืนทรัพย์สินนั้นเมื่อใด ให้ถือว่าผู้นั้นตกอยู่ในฐานะทุจริตจำเดิมแต่เวลาที่เรียกคืนนั้น",
"section_num": "415"
},
{
"law_name": "ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์",
"section_content": "ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 416\nค่าใช้จ่ายทั้งหลายอันควรแก่การเพื่อรักษาบำรุงหรือซ่อมแซมทรัพย์สินนั้น ท่านว่าต้องชดใช้แก่บุคคลผู้คืนทรัพย์สินนั้นเต็มจำนวน\nแต่บุคคลเช่นว่านี้จะเรียกร้องให้ชดใช้ค่าใช้จ่ายตามธรรมดาเพื่อบำรุง ซ่อมแซมทรัพย์สินนั้น หรือค่าภาระติดพันที่ต้องเสียไปในระหว่างที่ตนคงเก็บดอกผลอยู่นั้นหาได้ไม่",
"section_num": "416"
},
{
"law_name": "ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์",
"section_content": "ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 417\nในส่วนค่าใช้จ่ายอย่างอื่นนอกจากที่กล่าวมาในวรรคต้นแห่งมาตราก่อนนั้น บุคคลผู้คืนทรัพย์สินจะเรียกให้ชดใช้ได้แต่เฉพาะที่เสียไปในระหว่างที่ตนทำการโดยสุจริต และเมื่อทรัพย์สินนั้นได้มีราคาเพิ่มสูงขึ้นเพราะค่าใช้จ่ายนั้นในเวลาที่คืน และจะเรียกได้ก็แต่เพียงเท่าราคาที่เพิ่มขึ้นเท่านั้น\nอนึ่ง บทบัญญัติแห่งมาตรา 415 วรรค 2 นั้น ท่านให้นำมาใช้บังคับด้วย แล้วแต่กรณี",
"section_num": "417"
},
{
"law_name": "ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์",
"section_content": "ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 418\nถ้าบุคคลรับทรัพย์สินอันมิควรได้ไว้โดยทุจริต และได้ทำการดัดแปลงหรือต่อเติมขึ้นในทรัพย์สินนั้น ท่านว่าบุคคลเช่นนั้นต้องจัดทำทรัพย์สินนั้นให้คืนคงสภาพเดิมด้วยค่าใช้จ่ายของตนเองแล้วจึงส่งคืน เว้นแต่เจ้าของทรัพย์สินจะเลือกให้ส่งคืนตามสภาพที่เป็นอยู่ ในกรณีเช่นนี้เจ้าของจะใช้ราคาค่าทำดัดแปลงหรือต่อเติม หรือใช้เงินจำนวนหนึ่งเป็นราคาทรัพย์สินเท่าที่เพิ่มขึ้นนั้นก็ได้ แล้วแต่จะเลือก\nถ้าในเวลาที่จะต้องคืนทรัพย์นั้นเป็นพ้นวิสัยจะทำให้ทรัพย์สินคืนคงสภาพเดิมได้ หรือถ้าทำไปทรัพย์สินนั้นจะบุบสลายไซร้ ท่านว่าบุคคลผู้ได้รับไว้จะต้องส่งคืนทรัพย์สินตามสภาพที่เป็นอยู่ และไม่มีสิทธิเรียกค่าสินไหมทดแทนเพื่อราคาทรัพย์สินที่เพิ่มขึ้นเพราะการดัดแปลงหรือต่อเติมนั้นได้",
"section_num": "418"
}
] |
นอกจากการพ้นจากตำแหน่งตามวาระกรรมการตลาดหลักทรัพย์สามารถพ้นจากตำแหน่งในกรณีใดบ้าง
|
กรรมการตลาดหลักทรัพย์ย่อมพ้นจากตำแหน่งเมื่อ 1. ตาย 2. ลาออก 3. คณะกรรมการ ก.ล.ต. มีมติให้ออก 4. เป็นผู้ขาดคุณสมบัติหรือมีลักษณะต้องห้ามตามมาตรา 160 พระราชบัญญัติหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ พ.ศ. 2535 คำอธิบายเพิ่มเติม : ตามมาตรา 162 พระราชบัญญัติหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ พ.ศ. 2535 นอกจากการพ้นจากตำแหน่งตามวาระ กรรมการตลาดหลักทรัพย์พ้นจากตำแหน่งเมื่อ (1) ตาย (2) ลาออก (3) คณะกรรมการ ก.ล.ต. มีมติให้ออก (4) เป็นผู้ขาดคุณสมบัติหรือมีลักษณะต้องห้ามตามมาตรา 160 เมื่อกรรมการตลาดหลักทรัพย์พ้นจากตำแหน่งก่อนวาระ ให้คณะกรรมการ ก.ล.ต. แต่งตั้งหรือสมาชิกตามมาตรา 158 เลือกตั้งบุคคลอื่นเป็นกรรมการตลาดหลักทรัพย์แทน แล้วแต่กรณี
|
[
{
"law_name": "พระราชบัญญัติหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ พ.ศ. 2535",
"section_content": "พระราชบัญญัติหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ พ.ศ. 2535 มาตรา 162 นอกจากการพ้นจากตำแหน่งตามวาระ กรรมการตลาดหลักทรัพย์พ้นจากตำแหน่งเมื่อ\n(1) ตาย\n(2) ลาออก\n(3) คณะกรรมการ ก.ล.ต. มีมติให้ออก\n(4) เป็นผู้ขาดคุณสมบัติหรือมีลักษณะต้องห้ามตามมาตรา 160\nเมื่อกรรมการตลาดหลักทรัพย์พ้นจากตำแหน่งก่อนวาระ ให้คณะกรรมการ ก.ล.ต. แต่งตั้งหรือสมาชิกตามมาตรา 158 เลือกตั้งบุคคลอื่นเป็นกรรมการตลาดหลักทรัพย์แทน แล้วแต่กรณี",
"section_num": "162"
}
] |
กรรมการตลาดหลักทรัพย์ย่อมพ้นจากตำแหน่งเมื่อ 1. ตาย 2. ลาออก 3. คณะกรรมการ ก.ล.ต. มีมติให้ออก 4. เป็นผู้ขาดคุณสมบัติหรือมีลักษณะต้องห้ามตามมาตรา 160
|
[
{
"law_name": "พระราชบัญญัติหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ พ.ศ. 2535",
"section_content": "พระราชบัญญัติหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ พ.ศ. 2535 มาตรา 158 บริษัทหลักทรัพย์ที่จะทำการเป็นนายหน้าหรือตัวแทนซื้อขายหลักทรัพย์ในตลาดหลักทรัพย์ ต้องเป็นสมาชิกของตลาดหลักทรัพย์",
"section_num": "158"
},
{
"law_name": "พระราชบัญญัติหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ พ.ศ. 2535",
"section_content": "พระราชบัญญัติหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ พ.ศ. 2535 มาตรา 160 กรรมการตลาดหลักทรัพย์ต้องมีคุณสมบัติและไม่มีลักษณะต้องห้ามดังต่อไปนี้\n(1) มีสัญชาติไทย\n(2) ไม่เป็นหรือเคยเป็นบุคคลล้มละลาย\n(3) ไม่เคยได้รับโทษจำคุกโดยคำพิพากษาถึงที่สุดให้จำคุก เว้นแต่เป็นโทษสำหรับความผิดที่กระทำโดยประมาทหรือความผิดลหุโทษ\n(4) ไม่เป็นข้าราชการซึ่งมีตำแหน่งหรือเงินเดือนประจำ ข้าราชการการเมือง หรือพนักงานหรือลูกจ้างของหน่วยงานของรัฐหรือรัฐวิสาหกิจ หรือของราชการส่วนท้องถิ่นสมาชิกสภาท้องถิ่นหรือผู้บริหารท้องถิ่นซึ่งได้รับเลือกตั้ง\n(5) ไม่เป็นผู้ที่พ้นจากตำแหน่งเนื่องจากคณะกรรมการ ก.ล.ต. มีมติให้ออก",
"section_num": "160"
}
] |
สิทธิซึ่งผู้ครอบครองใช้ในทรัพย์สินที่ครอบครองเป็นสิทธิที่ผู้ครอบครองมีตามกฎหมายหรือไม่
|
ใช่ คำอธิบายเพิ่มเติม : ตามมาตรา 1372 ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ สิทธิซึ่งผู้ครอบครองใช้ในทรัพย์สินที่ครอบครองนั้น ท่านให้สันนิษฐานไว้ก่อนว่าเป็นสิทธิซึ่งผู้ครอบครองมีตามกฎหมาย
|
[
{
"law_name": "ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์",
"section_content": "ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1372\nสิทธิซึ่งผู้ครอบครองใช้ในทรัพย์สินที่ครอบครองนั้น ท่านให้สันนิษฐานไว้ก่อนว่าเป็นสิทธิซึ่งผู้ครอบครองมีตามกฎหมาย",
"section_num": "1372"
}
] |
ใช่
|
[] |
การตกลงคิดดอกเบี้ยทบต้นในสัญญากู้ยืมเงินสามารถทำได้หรือไม่
|
ทำได้ ในกรณีที่มีดอกเบี้ยค้างชำระ 1 ปีขึ้นไป โดยต้องทำเป็นหนังสือ และจะตกลงขณะทำสัญญากู้ยืมเงินหรือตกลงภายหลังทำสัญญากู้ยืมเงินก็ได้ คำอธิบายเพิ่มเติม : ตามมาตรา 655 วรรค 1 ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ ท่านห้ามมิให้คิดดอกเบี้ยในดอกเบี้ยที่ค้างชำระ แต่ทว่าเมื่อดอกเบี้ยค้างชำระไม่น้อยกว่าปีหนึ่ง คู่สัญญากู้ยืมจะตกลงกันให้เอาดอกเบี้ยนั้นทบเข้ากับต้นเงินแล้วให้คิดดอกเบี้ยในจำนวนเงินที่ทบเข้ากันนั้นก็ได้ แต่การตกลงเช่นนั้นต้องทำเป็นหนังสือ
|
[
{
"law_name": "ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์",
"section_content": "ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 655\nท่านห้ามมิให้คิดดอกเบี้ยในดอกเบี้ยที่ค้างชำระ แต่ทว่าเมื่อดอกเบี้ยค้างชำระไม่น้อยกว่าปีหนึ่ง คู่สัญญากู้ยืมจะตกลงกันให้เอาดอกเบี้ยนั้นทบเข้ากับต้นเงินแล้วให้คิดดอกเบี้ยในจำนวนเงินที่ทบเข้ากันนั้นก็ได้ แต่การตกลงเช่นนั้นต้องทำเป็นหนังสือ\nส่วนประเพณีการค้าขายที่คำนวณดอกทบต้นในบัญชีเดินสะพัดก็ดี ในการค้าขายอย่างอื่นทำนองเช่นว่านี้ก็ดี หาอยู่ในบังคับแห่งบทบัญญัติซึ่งกล่าวมาในวรรคก่อนนั้นไม่",
"section_num": "655"
}
] |
ทำได้ ในกรณีที่มีดอกเบี้ยค้างชำระ 1 ปีขึ้นไป โดยต้องทำเป็นหนังสือ และจะตกลงขณะทำสัญญากู้ยืมเงินหรือตกลงภายหลังทำสัญญากู้ยืมเงินก็ได้
|
[] |
การจะเป็นผู้สอบบัญชีได้ต้องได้รับอนุญาตหรือไม่
|
ต้องได้รับอนุญาต จากสภาวิชาชีพบัญชี คำอธิบายเพิ่มเติม : ตามมาตรา 38 วรรค 1 พระราชบัญญัติวิชาชีพบัญชี พ.ศ. 2547 ผู้ใดจะเป็นผู้สอบบัญชีรับอนุญาตต้องได้รับใบอนุญาตจากสภาวิชาชีพบัญชี
|
[
{
"law_name": "พระราชบัญญัติวิชาชีพบัญชี พ.ศ. 2547",
"section_content": "พระราชบัญญัติวิชาชีพบัญชี พ.ศ. 2547 มาตรา 38 ผู้ใดจะเป็นผู้สอบบัญชีรับอนุญาตต้องได้รับใบอนุญาตจากสภาวิชาชีพบัญชี\nการขอรับใบอนุญาต การอนุญาต และการออกใบอนุญาตเป็นผู้สอบบัญชีรับอนุญาตให้เป็นไปตามแบบและหลักเกณฑ์ที่กำหนดในข้อบังคับสภาวิชาชีพบัญชี\nเมื่อได้รับใบอนุญาตแล้วและใบอนุญาตนั้นมิได้ถูกพักใช้หรือถูกเพิกถอนให้ผู้สอบบัญชีรับอนุญาตได้รับยกเว้นไม่ต้องขออนุญาตต่ออธิบดีกรมสรรพากรในการตรวจสอบและรับรองบัญชีตามประมวลรัษฎากร",
"section_num": "38"
}
] |
ต้องได้รับอนุญาต จากสภาวิชาชีพบัญชี
|
[] |
ห้างหุ้นส่วนจำกัดที่มีผู้จัดการคนเดียวหุ้นส่วนผู้จัดการสามารถลาออกจากตำแหน่งได้หรือไม่
|
ได้ โดยจะต้องมีหนังสือแจ้งให้ผู้เป็นหุ้นส่วนคนหนึ่งคนใดในห้างหุ้นส่วนทราบ เพื่อนัดประชุมตั้งหุ้นส่วนผู้จัดการคนใหม่ พร้อมแนบใบลาออกของหุ้นส่วนผู้จัดการที่จะลาออกไปด้วย คำอธิบายเพิ่มเติม : ตามมาตรา 1078/1 วรรค 2 ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ ในกรณีที่ห้างหุ้นส่วนจำกัดมีหุ้นส่วนผู้จัดการคนเดียว ให้หุ้นส่วนผู้จัดการที่จะลาออกจากตำแหน่งแจ้งเป็นหนังสือให้ผู้เป็นหุ้นส่วนคนหนึ่งคนใดทราบเพื่อนัดประชุมและพิจารณาตั้งหุ้นส่วนผู้จัดการคนใหม่ พร้อมกับแนบใบลาออกไปด้วย การลาออกมีผลนับแต่วันที่ใบลาออกไปถึงหุ้นส่วนผู้นั้น
|
[
{
"law_name": "ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์",
"section_content": "ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1078/1\nหุ้นส่วนผู้จัดการคนใดจะลาออกจากตำแหน่ง ให้ยื่นใบลาออกต่อหุ้นส่วนผู้จัดการคนหนึ่งคนใด การลาออกมีผลนับแต่วันที่ใบลาออกไปถึงหุ้นส่วนผู้จัดการอื่นนั้น\nในกรณีที่ห้างหุ้นส่วนจำกัดมีหุ้นส่วนผู้จัดการคนเดียว ให้หุ้นส่วนผู้จัดการที่จะลาออกจากตำแหน่งแจ้งเป็นหนังสือให้ผู้เป็นหุ้นส่วนคนหนึ่งคนใดทราบเพื่อนัดประชุมและพิจารณาตั้งหุ้นส่วนผู้จัดการคนใหม่ พร้อมกับแนบใบลาออกไปด้วย การลาออกมีผลนับแต่วันที่ใบลาออกไปถึงหุ้นส่วนผู้นั้น\nหุ้นส่วนผู้จัดการซึ่งลาออกตามวรรคหนึ่งหรือวรรคสอง จะแจ้งการลาออกของตนให้นายทะเบียนทราบด้วยก็ได้",
"section_num": "1078/1"
}
] |
ได้ โดยจะต้องมีหนังสือแจ้งให้ผู้เป็นหุ้นส่วนคนหนึ่งคนใดในห้างหุ้นส่วนทราบ เพื่อนัดประชุมตั้งหุ้นส่วนผู้จัดการคนใหม่ พร้อมแนบใบลาออกของหุ้นส่วนผู้จัดการที่จะลาออกไปด้วย
|
[] |
ผู้รับจ้างทำของจะปฏิเสธไม่ให้ผู้ว่าจ้างทำการตรวจงานจนกว่าจะทำเสร็จได้หรือไม่
|
ไม่ได้ ต้องยอมให้ผู้ว่าจ้างตรวจงานได้ตลอดเวลาที่ทำงานนั้นอยู่ คำอธิบายเพิ่มเติม : ตามมาตรา 592 ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ ผู้รับจ้างจำต้องยอมให้ผู้ว่าจ้างหรือตัวแทนของผู้ว่าจ้างตรวจตราการงานได้ตลอดเวลาที่ทำอยู่นั้น
|
[
{
"law_name": "ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์",
"section_content": "ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 592\nผู้รับจ้างจำต้องยอมให้ผู้ว่าจ้างหรือตัวแทนของผู้ว่าจ้างตรวจตราการงานได้ตลอดเวลาที่ทำอยู่นั้น",
"section_num": "592"
}
] |
ไม่ได้ ต้องยอมให้ผู้ว่าจ้างตรวจงานได้ตลอดเวลาที่ทำงานนั้นอยู่
|
[] |
นายจ้างต้องเป็นผู้ดำเนินการจัดการกองทุนสำรองเลี้ยงชีพหรือไม่
|
ไม่ใช่ การจัดการกองทุนสำรองเลี้ยงชีพต้องดำเนินการโดยบุคคลอื่นที่ไม่ใช่นายจ้างและได้รับอนุญาตให้ประกอบธุรกิจหลักทรัพย์ประเภทการจัดการกองทุนส่วนบุคคลตามกฎหมายว่าด้วยหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ คำอธิบายเพิ่มเติม : ตามมาตรา 13 พระราชบัญญัติกองทุนสำรองเลี้ยงชีพ พ.ศ. 2530 การจัดการกองทุนจะต้องดำเนินการโดยบุคคลซึ่งมิใช่นายจ้างและได้รับใบอนุญาตให้ประกอบธุรกิจหลักทรัพย์ประเภทการจัดการกองทุนส่วนบุคคลตามกฎหมายว่าด้วยหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์
|
[
{
"law_name": "พระราชบัญญัติกองทุนสำรองเลี้ยงชีพ พ.ศ. 2530",
"section_content": "พระราชบัญญัติกองทุนสำรองเลี้ยงชีพ พ.ศ. 2530 มาตรา 13 การจัดการกองทุนจะต้องดำเนินการโดยบุคคลซึ่งมิใช่นายจ้างและได้รับใบอนุญาตให้ประกอบธุรกิจหลักทรัพย์ประเภทการจัดการกองทุนส่วนบุคคลตามกฎหมายว่าด้วยหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์",
"section_num": "13"
}
] |
ไม่ใช่ การจัดการกองทุนสำรองเลี้ยงชีพต้องดำเนินการโดยบุคคลอื่นที่ไม่ใช่นายจ้างและได้รับอนุญาตให้ประกอบธุรกิจหลักทรัพย์ประเภทการจัดการกองทุนส่วนบุคคลตามกฎหมายว่าด้วยหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์
|
[] |
การจำนำย่อมระงับไปด้วยเหตุใดบ้าง
|
การจำนำย่อมระงับไปได้ด้วยเหตุ ดังต่อไปนี้ 1. เมื่อหนี้ซึ่งจำนำเป็นประกันอยู่ระงับสิ้นไปเพราะเหตุอื่นที่ไม่ใช่เพราะอายุความ 2. เมื่อผู้รับจำนำยอมให้ทรัพย์สินจำนำกลับคืนสู่ครอบครองของผู้จำนำ คำอธิบายเพิ่มเติม : ตามมาตรา 769 ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ อันจำนำย่อมระงับสิ้นไป (1) เมื่อหนี้ซึ่งจำนำเป็นประกันอยู่นั้นระงับสิ้นไปเพราะเหตุประการอื่นมิใช่เพราะอายุความ หรือ (2) เมื่อผู้รับจำนำยอมให้ทรัพย์สินจำนำกลับคืนไปสู่ครอบครองของผู้จำนำ
|
[
{
"law_name": "ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์",
"section_content": "ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 769\nอันจำนำย่อมระงับสิ้นไป\n(1) เมื่อหนี้ซึ่งจำนำเป็นประกันอยู่นั้นระงับสิ้นไปเพราะเหตุประการอื่นมิใช่เพราะอายุความ หรือ\n(2) เมื่อผู้รับจำนำยอมให้ทรัพย์สินจำนำกลับคืนไปสู่ครอบครองของผู้จำนำ",
"section_num": "769"
}
] |
การจำนำย่อมระงับไปได้ด้วยเหตุ ดังต่อไปนี้ 1. เมื่อหนี้ซึ่งจำนำเป็นประกันอยู่ระงับสิ้นไปเพราะเหตุอื่นที่ไม่ใช่เพราะอายุความ 2. เมื่อผู้รับจำนำยอมให้ทรัพย์สินจำนำกลับคืนสู่ครอบครองของผู้จำนำ
|
[] |
เมื่อพ้นจากสมาชิกของตลาดหลักทรัพย์แล้วต้องดำเนินการอย่างไรต่อไป
|
ตลาดหลักทรัพย์ต้องให้สมาชิกรายนั้นซื้อขายหลักทรัพย์ที่ค้างอยู่ให้เสร็จเรียบร้อย คำอธิบายเพิ่มเติม : ตามมาตรา 188 พระราชบัญญัติหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ พ.ศ. 2535 เมื่อสมาชิกของตลาดหลักทรัพย์รายใดพ้นจากสมาชิกภาพ ตลาดหลักทรัพย์ต้องอนุญาตให้สมาชิกนั้นซื้อขายหลักทรัพย์รายการที่ค้างอยู่ให้แล้วเสร็จ
|
[
{
"law_name": "พระราชบัญญัติหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ พ.ศ. 2535",
"section_content": "พระราชบัญญัติหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ พ.ศ. 2535 มาตรา 188 เมื่อสมาชิกของตลาดหลักทรัพย์รายใดพ้นจากสมาชิกภาพ ตลาดหลักทรัพย์ต้องอนุญาตให้สมาชิกนั้นซื้อขายหลักทรัพย์รายการที่ค้างอยู่ให้แล้วเสร็จ",
"section_num": "188"
}
] |
ตลาดหลักทรัพย์ต้องให้สมาชิกรายนั้นซื้อขายหลักทรัพย์ที่ค้างอยู่ให้เสร็จเรียบร้อย
|
[] |
เมื่อเป็นผู้จัดการมรดกแล้วต้องดำเนินการจัดการมรดกด้วยตนเองใช่หรือไม่
|
ใช่ ต้องดำเนินการจัดการมรดกด้วยตนเอง คำอธิบายเพิ่มเติม : ตามมาตรา 1723 ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ ผู้จัดการมรดกต้องจัดการโดยตนเอง เว้นแต่จะทำการโดยตัวแทนได้ตามอำนาจที่ให้ไว้ชัดแจ้งหรือโดยปริยายในพินัยกรรม หรือโดยคำสั่งศาล หรือในพฤติการณ์เพื่อประโยชน์แก่กองมรดก
|
[
{
"law_name": "ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์",
"section_content": "ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1723\nผู้จัดการมรดกต้องจัดการโดยตนเอง เว้นแต่จะทำการโดยตัวแทนได้ตามอำนาจที่ให้ไว้ชัดแจ้งหรือโดยปริยายในพินัยกรรม หรือโดยคำสั่งศาล หรือในพฤติการณ์เพื่อประโยชน์แก่กองมรดก",
"section_num": "1723"
}
] |
ใช่ ต้องดำเนินการจัดการมรดกด้วยตนเอง
|
[] |
การจัดให้มีเงินสำรองประเภทต่างๆตามพระราชบัญญัติหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ พ.ศ. 2535 ต้องดำเนินการอย่างไร
|
ให้สำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ จัดให้มีเงินสำรองประเภทต่างๆ ตามหลักเกณฑ์และวิธีการที่คณะกรรมการ ก.ล.ต. กำหนด คำอธิบายเพิ่มเติม : ตามมาตรา 26 พระราชบัญญัติหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ พ.ศ. 2535 ให้สำนักงานจัดให้มีเงินสำรองประเภทต่าง ๆ ตามหลักเกณฑ์และวิธีการที่คณะกรรมการ ก.ล.ต. กำหนดด้วยความเห็นชอบของรัฐมนตรี
|
[
{
"law_name": "พระราชบัญญัติหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ พ.ศ. 2535",
"section_content": "พระราชบัญญัติหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ พ.ศ. 2535 มาตรา 26 ให้สำนักงานจัดให้มีเงินสำรองประเภทต่าง ๆ ตามหลักเกณฑ์และวิธีการที่คณะกรรมการ ก.ล.ต. กำหนดด้วยความเห็นชอบของรัฐมนตรี",
"section_num": "26"
}
] |
ให้สำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ จัดให้มีเงินสำรองประเภทต่างๆ ตามหลักเกณฑ์และวิธีการที่คณะกรรมการ ก.ล.ต. กำหนด
|
[] |
การสมรสต้องทำด้วยความยินยอมของทั้ง 2 ฝ่ายใช่หรือไม่
|
ใช่ ต้องแสดงความยินยอมโดยเปิดเผยต่อหน้านายทะเบียน คำอธิบายเพิ่มเติม : ตามมาตรา 1458 ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ การสมรสจะทำได้ต่อเมื่อชายหญิงยินยอมเป็นสามีภริยากันและต้องแสดงการยินยอมนั้นให้ปรากฏโดยเปิดเผยต่อหน้านายทะเบียนและให้นายทะเบียนบันทึกความยินยอมนั้นไว้ด้วย
|
[
{
"law_name": "ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์",
"section_content": "ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1458\nการสมรสจะทำได้ต่อเมื่อชายหญิงยินยอมเป็นสามีภริยากันและต้องแสดงการยินยอมนั้นให้ปรากฏโดยเปิดเผยต่อหน้านายทะเบียนและให้นายทะเบียนบันทึกความยินยอมนั้นไว้ด้วย",
"section_num": "1458"
}
] |
ใช่ ต้องแสดงความยินยอมโดยเปิดเผยต่อหน้านายทะเบียน
|
[] |
ตราสารตามประมวลรัษฎากรต้องปิดแสตมป์ตามอัตราที่กำหนดไว้ในบัญชีท้ายประมวลรัษฎากรหรือไม่
|
ใช่ ต้องปิดแสตมป์บริบูรณ์ตามอัตราที่กำหนดไว้ในบัญชีท้ายประมวล คำอธิบายเพิ่มเติม : ตามมาตรา 104 ประมวลรัษฎากร ตราสารที่ระบุไว้ในบัญชีท้ายหมวดนี้ ต้องปิดแสตมป์บริบูรณ์ตามอัตราที่กำหนดไว้ในบัญชีนั้น
|
[
{
"law_name": "ประมวลรัษฎากร",
"section_content": "ประมวลรัษฎากร มาตรา 104 ตราสารที่ระบุไว้ในบัญชีท้ายหมวดนี้ ต้องปิดแสตมป์บริบูรณ์ตามอัตราที่กำหนดไว้ในบัญชีนั้น",
"section_num": "104"
}
] |
ใช่ ต้องปิดแสตมป์บริบูรณ์ตามอัตราที่กำหนดไว้ในบัญชีท้ายประมวล
|
[] |
กรณีตราสารที่ต้องปิดอากรแสตมป์ทำขึ้นนอกประเทศไทย ใครมีหน้าที่ต้องเสียอากรแสตมป์
|
ผู้ทรงตราสารคนแรกในประเทศไทย โดยต้องปิดแสตมป์ครบจำนวนอากรและขีดฆ่าภายใน 30 วัน นับแต่ได้รับตราสาร คำอธิบายเพิ่มเติม : ตามมาตรา 111 วรรค 1 ประมวลรัษฎากร ถ้าตราสารที่ต้องเสียอากรได้ทำขึ้นนอกสยาม ให้เป็นหน้าที่ของผู้ทรงตราสารคนแรกในสยามต้องเสียอากรโดยปิดแสตมป์ครบจำนวนอากรและขีดฆ่าภายใน 30 วัน นับแต่ได้รับตราสารนั้น ถ้าไม่ปฏิบัติตามนี้ให้ถือว่าเป็นตราสารที่มิได้ปิดแสตมป์บริบูรณ์
|
[
{
"law_name": "ประมวลรัษฎากร",
"section_content": "ประมวลรัษฎากร มาตรา 111 ถ้าตราสารที่ต้องเสียอากรได้ทำขึ้นนอกสยาม ให้เป็นหน้าที่ของผู้ทรงตราสารคนแรกในสยามต้องเสียอากรโดยปิดแสตมป์ครบจำนวนอากรและขีดฆ่าภายใน 30 วัน นับแต่ได้รับตราสารนั้น ถ้าไม่ปฏิบัติตามนี้ให้ถือว่าเป็นตราสารที่มิได้ปิดแสตมป์บริบูรณ์\nถ้ามิได้ปฏิบัติตามความในวรรคก่อน ผู้ทรงคนใดคนหนึ่งแห่งตราสารต้องเสียอากรโดยปิดแสตมป์ครบจำนวนอากรและขีดฆ่าก่อน แล้วจึงจะยื่นตราสารเพื่อให้จ่ายเงิน รับรอง สลักหลัง โอน หรือถือเอาประโยชน์ได้\nผู้ทรงตราสารคนใดได้ตราสารตามความในมาตรานี้มาไว้ในครอบครองก่อนพ้นกำหนดที่กล่าวไว้ในวรรค 1 ผู้ทรงคนนั้นจะเสียอากรโดยปิดแสตมป์ครบจำนวนอากรและขีดฆ่าก็ได้ โดยมีสิทธิไล่เบี้ยจากผู้ทรงคนก่อน ๆ",
"section_num": "111"
}
] |
ผู้ทรงตราสารคนแรกในประเทศไทย โดยต้องปิดแสตมป์ครบจำนวนอากรและขีดฆ่าภายใน 30 วัน นับแต่ได้รับตราสาร
|
[] |
การที่บริษัทใดไม่ปฏิบัติตามพระราชบัญญัติบริษัทมหาชนจำกัด พ.ศ. 2535 มีความผิดหรือไม่
|
มีความผิดทางพินัย คำอธิบายเพิ่มเติม : ตามมาตรา 200 พระราชบัญญัติบริษัทมหาชนจำกัด พ.ศ. 2535 บริษัทใดไม่ปฏิบัติตามมาตรา 61 มาตรา 62 วรรคหนึ่ง หรือมาตรา 96 วรรคหนึ่ง มีความผิดทางพินัยต้องชำระค่าปรับเป็นพินัยไม่เกินห้าหมื่นบาท
|
[
{
"law_name": "พระราชบัญญัติบริษัทมหาชนจำกัด พ.ศ. 2535",
"section_content": "พระราชบัญญัติบริษัทมหาชนจำกัด พ.ศ. 2535 มาตรา 200 บริษัทใดไม่ปฏิบัติตามมาตรา 61 มาตรา 62 วรรคหนึ่ง หรือมาตรา 96 วรรคหนึ่ง มีความผิดทางพินัยต้องชำระค่าปรับเป็นพินัยไม่เกินห้าหมื่นบาท*",
"section_num": "200"
}
] |
มีความผิดทางพินัย
|
[
{
"law_name": "พระราชบัญญัติบริษัทมหาชนจำกัด พ.ศ. 2535",
"section_content": "พระราชบัญญัติบริษัทมหาชนจำกัด พ.ศ. 2535 มาตรา 61 บริษัทต้องจัดให้มีทะเบียนผู้ถือหุ้นซึ่งอย่างน้อยต้องมีรายการดังต่อไปนี้\n(1) ชื่อ สัญชาติ และที่อยู่ของผู้ถือหุ้น\n(2) ชนิด มูลค่า เลขที่ใบหุ้น และจำนวนหุ้น\n(3) วันเดือนปี ที่ลงทะเบียนเป็นหรือขาดจากการเป็นผู้ถือหุ้น",
"section_num": "61"
},
{
"law_name": "พระราชบัญญัติบริษัทมหาชนจำกัด พ.ศ. 2535",
"section_content": "พระราชบัญญัติบริษัทมหาชนจำกัด พ.ศ. 2535 มาตรา 62 บริษัทต้องเก็บรักษาทะเบียนผู้ถือหุ้นและหลักฐานประกอบการลงทะเบียนไว้ ณ สำนักงานใหญ่ของบริษัท แต่บริษัทจะมอบหมายให้บุคคลใดทำหน้าที่เก็บรักษาทะเบียนผู้ถือหุ้นและหลักฐานประกอบการลงทะเบียนแทนบริษัทไว้ ณ ที่ใดก็ได้ แต่ต้องแจ้งให้ผู้ถือหุ้นและนายทะเบียนทราบถึงผู้เก็บรักษาทะเบียนดังกล่าว\nในกรณีที่ทะเบียนผู้ถือหุ้นสูญหาย ลบเลือน หรือชำรุดในสาระสำคัญ ให้บริษัทแจ้งต่อนายทะเบียนภายในสิบสี่วันนับแต่วันที่ทราบหรือควรจะได้ทราบถึงการสูญหาย ลบเลือนหรือชำรุดนั้น และจัดทำหรือซ่อมแซมทะเบียนผู้ถือหุ้นให้เสร็จภายในหนึ่งเดือนนับแต่วันที่แจ้ง\nทะเบียนผู้ถือหุ้นให้สันนิษฐานไว้ก่อนว่าถูกต้อง",
"section_num": "62"
},
{
"law_name": "พระราชบัญญัติบริษัทมหาชนจำกัด พ.ศ. 2535",
"section_content": "พระราชบัญญัติบริษัทมหาชนจำกัด พ.ศ. 2535 มาตรา 96 บริษัทต้องจัดให้มีทะเบียนกรรมการ รายงานการประชุมคณะกรรมการและรายงานการประชุมผู้ถือหุ้น และเก็บรักษาไว้ ณ สำนักงานใหญ่ของบริษัท แต่บริษัทจะมอบหมายให้บุคคลใดทำหน้าที่เก็บรักษาเอกสารและทะเบียนดังกล่าวแทนบริษัทไว้ ณ ที่ใดก็ได้ แต่ต้องแจ้งให้นายทะเบียนทราบก่อนและต้องเก็บรักษาไว้ในท้องที่อันเป็นที่ตั้งสำนักงานใหญ่หรือจังหวัดใกล้เคียง\nทะเบียนกรรมการนั้นอย่างน้อยต้องมีรายการดังต่อไปนี้\n(1) ชื่อ วันเดือนปีเกิด สัญชาติ และที่อยู่ของกรรมการ\n(2) ชนิด มูลค่า เลขที่ใบหุ้น และจำนวนหุ้นที่กรรมการแต่ละคนถือ\n(3) วันเดือนปี ที่เป็นหรือขาดจากการเป็นกรรมการ\nรายงานการประชุมคณะกรรมการและรายงานการประชุมผู้ถือหุ้นนั้น คณะกรรมการต้องจัดทำให้เสร็จภายในสิบสี่วันนับแต่วันประชุม",
"section_num": "96"
}
] |
ผู้จำนองทรัพย์สินของตนไว้เพื่อประกันหนี้บุคคลอื่นต้องรับผิดในหนี้นั้นเพียงใด
|
ต้องรับผิดในหนี้นั้นเท่าราคาทรัพย์สินที่จำนองในเวลาที่บังคับจำนองหรือเอาทรัพย์จำนองหลุด ไม่ต้องรับผิดในหนี้นั้นเกินราคาทรัพย์สิน คำอธิบายเพิ่มเติม : ตามมาตรา 727/1 วรรค 1 ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ ไม่ว่ากรณีจะเป็นประการใด ผู้จำนองซึ่งจำนองทรัพย์สินของตนไว้เพื่อประกันหนี้อันบุคคลอื่นจะต้องชำระ ไม่ต้องรับผิดในหนี้นั้นเกินราคาทรัพย์สินที่จำนองในเวลาที่บังคับจำนองหรือเอาทรัพย์จำนองหลุด
|
[
{
"law_name": "ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์",
"section_content": "ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 727/1\nไม่ว่ากรณีจะเป็นประการใด ผู้จำนองซึ่งจำนองทรัพย์สินของตนไว้เพื่อประกันหนี้อันบุคคลอื่นจะต้องชำระ ไม่ต้องรับผิดในหนี้นั้นเกินราคาทรัพย์สินที่จำนองในเวลาที่บังคับจำนองหรือเอาทรัพย์จำนองหลุด\nข้อตกลงใดอันมีผลให้ผู้จำนองรับผิดเกินที่บัญญัติไว้ในวรรคหนึ่ง หรือให้ผู้จำนองรับผิดอย่างผู้ค้ำประกัน ข้อตกลงนั้นเป็นโมฆะ ไม่ว่าข้อตกลงนั้นจะมีอยู่ในสัญญาจำนองหรือทำเป็นข้อตกลงต่างหาก ทั้งนี้ เว้นแต่เป็นกรณีที่นิติบุคคลเป็นลูกหนี้และบุคคลผู้มีอำนาจในการจัดการตามกฎหมายหรือบุคคลที่มีอำนาจควบคุมการดำเนินงานของนิติบุคคลนั้นเป็นผู้จำนองทรัพย์สินของตนไว้เพื่อประกันหนี้นั้นของนิติบุคคลและผู้จำนองได้ทำสัญญาค้ำประกันไว้เป็นสัญญาต่างหาก",
"section_num": "727/1"
}
] |
ต้องรับผิดในหนี้นั้นเท่าราคาทรัพย์สินที่จำนองในเวลาที่บังคับจำนองหรือเอาทรัพย์จำนองหลุด ไม่ต้องรับผิดในหนี้นั้นเกินราคาทรัพย์สิน
|
[] |
เมื่อสำนักงาน ก.ล.ต.ได้แจ้งคำสั่งแต่งตั้งผู้แทนชั่วคราวของนิติบุคคลเฉพาะกิจแล้วต้องดำเนินการอย่างไรต่อไป
|
เมื่อสำนักงาน ก.ล.ต. ได้แจ้งคำสั่งแต่งตั้งผู้แทนชั่วคราวของนิติบุคคลเฉพาะกิจ ให้ดำเนินการดังนี้ 1. ให้กรรมการ พนักงาน หรือบุคคลใด ๆ ของนิติบุคคลเฉพาะกิจ จัดการอันสมควรเพื่อปกปักรักษาทรัพย์และประโยชน์ของผู้ถือหลักทรัพย์ของนิติบุคคลเฉพาะกิจ และรายงานกิจการ ส่งมอบทรัพย์สินพร้อมสมุดบัญชี เอกสาร ดวงตรา และหลักฐานอันเกี่ยวกับกิจการ ของนิติบุคคลเฉพาะกิจให้แก่ผู้แทนชั่วคราวภายในระยะเวลาตามที่สำนักงาน ก.ล.ต. กำหนด 2. ให้บุคคลซึ่งครอบครองทรัพย์สินหรือเอกสารของนิติบุคคลเฉพาะกิจแจ้งการครอบครองให้ผู้แทนชั่วคราวทราบภายในระยะเวลาตามที่สำนักงาน ก.ล.ต. กำหนด คำอธิบายเพิ่มเติม : ตามมาตรา 27 พระราชกำหนดนิติบุคคลเฉพาะกิจเพื่อการแปลงสินทรัพย์เป็นหลักทรัพย์ พ.ศ. 2540 เมื่อสำนักงาน ก.ล.ต. ได้แจ้งคำสั่งแต่งตั้งผู้แทนชั่วคราวของนิติบุคคลเฉพาะกิจใดตามมาตรา 26 แล้ว (1) ให้กรรมการ พนักงาน หรือบุคคลใด ๆ ของนิติบุคคลเฉพาะกิจนั้น จัดการอันสมควรเพื่อปกปักรักษาทรัพย์และประโยชน์ของผู้ถือหลักทรัพย์ของนิติบุคคลเฉพาะกิจ และรีบรายงานกิจการ และมอบทรัพย์สินพร้อมสมุดบัญชี เอกสาร ดวงตรา และหลักฐานอื่นอันเกี่ยวกับกิจการ ของนิติบุคคลเฉพาะกิจให้แก่ผู้แทนชั่วคราวภายในระยะเวลาตามที่สำนักงาน ก.ล.ต. กำหนด (2) ให้บุคคลใด ๆ ซึ่งครอบครองทรัพย์สินหรือเอกสารของนิติบุคคลเฉพาะกิจแจ้งการครอบครองให้ผู้แทนชั่วคราวทราบภายในระยะเวลาตามที่สำนักงาน ก.ล.ต. กำหนด
|
[
{
"law_name": "พระราชกำหนดนิติบุคคลเฉพาะกิจเพื่อการแปลงสินทรัพย์เป็นหลักทรัพย์ พ.ศ. 2540",
"section_content": "พระราชกำหนดนิติบุคคลเฉพาะกิจเพื่อการแปลงสินทรัพย์เป็นหลักทรัพย์ พ.ศ. 2540 มาตรา 27 เมื่อสำนักงาน ก.ล.ต. ได้แจ้งคำสั่งแต่งตั้งผู้แทนชั่วคราวของนิติบุคคลเฉพาะกิจใดตามมาตรา 26 แล้ว\n(1) ให้กรรมการ พนักงาน หรือบุคคลใด ๆ ของนิติบุคคลเฉพาะกิจนั้น จัดการอันสมควรเพื่อปกปักรักษาทรัพย์และประโยชน์ของผู้ถือหลักทรัพย์ของนิติบุคคลเฉพาะกิจ และรีบรายงานกิจการ และมอบทรัพย์สินพร้อมสมุดบัญชี เอกสาร ดวงตรา และหลักฐานอื่นอันเกี่ยวกับกิจการ ของนิติบุคคลเฉพาะกิจให้แก่ผู้แทนชั่วคราวภายในระยะเวลาตามที่สำนักงาน ก.ล.ต. กำหนด\n(2) ให้บุคคลใด ๆ ซึ่งครอบครองทรัพย์สินหรือเอกสารของนิติบุคคลเฉพาะกิจแจ้งการครอบครองให้ผู้แทนชั่วคราวทราบภายในระยะเวลาตามที่สำนักงาน ก.ล.ต. กำหนด",
"section_num": "27"
}
] |
1. ให้กรรมการ พนักงาน หรือบุคคลใด ๆ ของนิติบุคคลเฉพาะกิจ จัดการอันสมควรเพื่อปกปักรักษาทรัพย์และประโยชน์ของผู้ถือหลักทรัพย์ของนิติบุคคลเฉพาะกิจ และรายงานกิจการ ส่งมอบทรัพย์สินพร้อมสมุดบัญชี เอกสาร ดวงตรา และหลักฐานอันเกี่ยวกับกิจการ ของนิติบุคคลเฉพาะกิจให้แก่ผู้แทนชั่วคราวภายในระยะเวลาตามที่สำนักงาน ก.ล.ต. กำหนด 2. ให้บุคคลซึ่งครอบครองทรัพย์สินหรือเอกสารของนิติบุคคลเฉพาะกิจแจ้งการครอบครองให้ผู้แทนชั่วคราวทราบภายในระยะเวลาตามที่สำนักงาน ก.ล.ต. กำหนด.
|
[
{
"law_name": "พระราชกำหนดนิติบุคคลเฉพาะกิจเพื่อการแปลงสินทรัพย์เป็นหลักทรัพย์ พ.ศ. 2540",
"section_content": "พระราชกำหนดนิติบุคคลเฉพาะกิจเพื่อการแปลงสินทรัพย์เป็นหลักทรัพย์ พ.ศ. 2540 มาตรา 26 ในการแต่งตั้งผู้แทนชั่วคราวตามมาตรา 25 ให้สำนักงาน ก.ล.ต. แจ้งคำสั่งโดยปิดประกาศไว้ในที่เปิดเผย ณ สำนักงานของนิติบุคคลเฉพาะกิจนั้นเป็นเวลาไม่น้อยกว่าสิบห้าวัน และให้ประกาศในราชกิจจานุเบกษา และในหนังสือพิมพ์รายวันที่แพร่หลายในท้องถิ่นนั้นอย่างน้อยหนึ่งฉบับ",
"section_num": "26"
}
] |
ความผิดตามพระราชบัญญัติทรัสต์เพื่อธุรกรรมในตลาดทุน พ.ศ. 2550 มีความผิดในฐานะเป็นผู้ใช้ให้กระทำผิดหรือไม่
|
มี ในกรณีที่ก่อให้ผู้อื่นกระทำความผิดตามที่บัญญัติไว้ในมาตรา 80 มาตรา 81 มาตรา 82 มาตรา 83 มาตรา 84 มาตรา 85 มาตรา 86 มาตรา 87 หรือมาตรา 88 ย่อมเป็นผู้ใช้ให้กระทำความผิด คำอธิบายเพิ่มเติม : ตามมาตรา 89 พระราชบัญญัติทรัสต์เพื่อธุรกรรมในตลาดทุน พ.ศ. 2550 ผู้ใดก่อให้ผู้อื่นกระทำความผิดตามที่บัญญัติไว้ในมาตรา 80 มาตรา 81 มาตรา 82 มาตรา 83 มาตรา 84 มาตรา 85 มาตรา 86 มาตรา 87 หรือมาตรา 88 ไม่ว่าด้วยการใช้ บังคับ ขู่เข็ญ จ้างวาน ยุยงส่งเสริม หรือด้วยวิธีอื่นใด ผู้นั้นเป็นผู้ใช้ให้กระทำความผิด ต้องระวางโทษดังที่บัญญัติไว้ในมาตรานั้น ๆ
|
[
{
"law_name": "พระราชบัญญัติทรัสต์เพื่อธุรกรรมในตลาดทุน พ.ศ. 2550",
"section_content": "พระราชบัญญัติทรัสต์เพื่อธุรกรรมในตลาดทุน พ.ศ. 2550 มาตรา 89 ผู้ใดก่อให้ผู้อื่นกระทำความผิดตามที่บัญญัติไว้ในมาตรา 80 มาตรา 81 มาตรา 82 มาตรา 83 มาตรา 84 มาตรา 85 มาตรา 86 มาตรา 87 หรือมาตรา 88 ไม่ว่าด้วยการใช้ บังคับ ขู่เข็ญ จ้างวาน ยุยงส่งเสริม หรือด้วยวิธีอื่นใด ผู้นั้นเป็นผู้ใช้ให้กระทำความผิด ต้องระวางโทษดังที่บัญญัติไว้ในมาตรานั้น ๆ",
"section_num": "89"
}
] |
มี ในกรณีที่ก่อให้ผู้อื่นกระทำความผิดตามที่บัญญัติไว้ในมาตรา 80 มาตรา 81 มาตรา 82 มาตรา 83 มาตรา 84 มาตรา 85 มาตรา 86 มาตรา 87 หรือมาตรา 88 ย่อมเป็นผู้ใช้ให้กระทำความผิด
|
[
{
"law_name": "พระราชบัญญัติทรัสต์เพื่อธุรกรรมในตลาดทุน พ.ศ. 2550",
"section_content": "พระราชบัญญัติทรัสต์เพื่อธุรกรรมในตลาดทุน พ.ศ. 2550 มาตรา 80 ผู้ใดให้ถ้อยคำอันเป็นเท็จต่อพนักงานเจ้าหน้าที่ ซึ่งความเท็จนั้นเป็นข้อสำคัญในการตรวจสอบหรือการดำเนินการตามพระราชบัญญัตินี้ ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกินหนึ่งปี หรือปรับไม่เกินหนึ่งแสนบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ\nในกรณีที่ผู้ให้ถ้อยคำอันเป็นเท็จต่อพนักงานเจ้าหน้าที่ตามวรรคหนึ่งเป็นทรัสตี กรรมการ ผู้จัดการ หรือบุคคลซึ่งต้องรับผิดชอบในการดำเนินงานของทรัสตีนั้น ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกินสองปี หรือปรับไม่เกินสองแสนบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ เว้นแต่จะพิสูจน์ได้ว่าตนมิได้มีส่วนในการกระทำความผิดนั้น",
"section_num": "80"
},
{
"law_name": "พระราชบัญญัติทรัสต์เพื่อธุรกรรมในตลาดทุน พ.ศ. 2550",
"section_content": "พระราชบัญญัติทรัสต์เพื่อธุรกรรมในตลาดทุน พ.ศ. 2550 มาตรา 81 ผู้ใดขัดขวางหรือไม่ปฏิบัติตามคำสั่งหรือไม่อำนวยความสะดวกแก่พนักงานเจ้าหน้าที่ซึ่งปฏิบัติหน้าที่ตามมาตรา 62 ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกินหนึ่งปี หรือปรับไม่เกินหนึ่งแสนบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ\nถ้าการกระทำตามวรรคหนึ่งเป็นการใช้กำลังประทุษร้ายหรือขู่เข็ญว่าจะใช้กำลังประทุษร้าย ผู้กระทำต้องระวางโทษจำคุกไม่เกินสองปี หรือปรับไม่เกินสองแสนบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ",
"section_num": "81"
},
{
"law_name": "พระราชบัญญัติทรัสต์เพื่อธุรกรรมในตลาดทุน พ.ศ. 2550",
"section_content": "พระราชบัญญัติทรัสต์เพื่อธุรกรรมในตลาดทุน พ.ศ. 2550 มาตรา 82 ผู้ใดถอน ทำให้เสียหาย ทำลาย หรือทำให้ไร้ประโยชน์ซึ่งตราหรือเครื่องหมายซึ่งพนักงานเจ้าหน้าที่ได้ประทับหรือหมายไว้ที่สิ่งใด ๆ ในการปฏิบัติหน้าที่ตามมาตรา 62 เพื่อเป็นหลักฐานในการอายัดหรือรักษาสิ่งนั้น ๆ ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกินสามปี หรือปรับไม่เกินสามแสนบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ",
"section_num": "82"
},
{
"law_name": "พระราชบัญญัติทรัสต์เพื่อธุรกรรมในตลาดทุน พ.ศ. 2550",
"section_content": "พระราชบัญญัติทรัสต์เพื่อธุรกรรมในตลาดทุน พ.ศ. 2550 มาตรา 83 ผู้ใดทำให้เสียหาย ทำลาย ซ่อนเร้น เอาไปเสีย หรือทำให้สูญหาย หรือไร้ประโยชน์ซึ่งทรัพย์สินหรือเอกสารใด ๆ อันพนักงานเจ้าหน้าที่ได้อายัดหรือรักษาไว้ หรือสั่งให้ส่งเพื่อเป็นพยานหลักฐานตามมาตรา 62 ไม่ว่าพนักงานเจ้าหน้าที่จะรักษาทรัพย์สินหรือเอกสารนั้นไว้เอง หรือสั่งให้ผู้นั้นหรือผู้อื่นส่งหรือรักษาไว้ก็ตาม ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกินสามปี หรือปรับไม่เกินสามแสนบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ",
"section_num": "83"
},
{
"law_name": "พระราชบัญญัติทรัสต์เพื่อธุรกรรมในตลาดทุน พ.ศ. 2550",
"section_content": "พระราชบัญญัติทรัสต์เพื่อธุรกรรมในตลาดทุน พ.ศ. 2550 มาตรา 84 ผู้สอบบัญชีตามมาตรา 59 ผู้ใดทำรายงานเท็จ ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกินหนึ่งปี หรือปรับไม่เกินสามแสนบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ",
"section_num": "84"
},
{
"law_name": "พระราชบัญญัติทรัสต์เพื่อธุรกรรมในตลาดทุน พ.ศ. 2550",
"section_content": "พระราชบัญญัติทรัสต์เพื่อธุรกรรมในตลาดทุน พ.ศ. 2550 มาตรา 85 กรรมการ ผู้จัดการ พนักงาน ลูกจ้าง หรือตัวแทนของทรัสตี หรือบุคคลใดซึ่งได้รับมอบหมายให้จัดการกองทรัสต์ กระทำผิดหน้าที่ของตนด้วยประการใด ๆ โดยทุจริตจนเป็นเหตุให้เกิดความเสียหายแก่กองทรัสต์ ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกินสิบปี หรือปรับไม่เกินสองล้านบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ",
"section_num": "85"
},
{
"law_name": "พระราชบัญญัติทรัสต์เพื่อธุรกรรมในตลาดทุน พ.ศ. 2550",
"section_content": "พระราชบัญญัติทรัสต์เพื่อธุรกรรมในตลาดทุน พ.ศ. 2550 มาตรา 86 กรรมการ ผู้จัดการ พนักงาน ลูกจ้าง หรือตัวแทนของทรัสตี หรือบุคคลใดซึ่งได้รับมอบหมายให้จัดการกองทรัสต์ กระทำโดยทุจริตเอาทรัพย์สินในกองทรัสต์ไปไม่ว่าเพื่อตนเองหรือบุคคลที่สาม ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกินสิบปี หรือปรับไม่เกินสองล้านบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ",
"section_num": "86"
},
{
"law_name": "พระราชบัญญัติทรัสต์เพื่อธุรกรรมในตลาดทุน พ.ศ. 2550",
"section_content": "พระราชบัญญัติทรัสต์เพื่อธุรกรรมในตลาดทุน พ.ศ. 2550 มาตรา 87 กรรมการ ผู้จัดการ พนักงาน ลูกจ้าง หรือตัวแทนของทรัสตี หรือบุคคลใดซึ่งได้รับมอบหมายให้จัดการกองทรัสต์ ทำให้เสียหาย ทำลาย ทำให้เสื่อมค่า หรือทำให้ไร้ประโยชน์ต่อทรัพย์สินในกองทรัสต์ ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกินสิบปี หรือปรับไม่เกินสองล้านบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ",
"section_num": "87"
},
{
"law_name": "พระราชบัญญัติทรัสต์เพื่อธุรกรรมในตลาดทุน พ.ศ. 2550",
"section_content": "พระราชบัญญัติทรัสต์เพื่อธุรกรรมในตลาดทุน พ.ศ. 2550 มาตรา 88 กรรมการ ผู้จัดการ พนักงาน ลูกจ้าง หรือตัวแทนของทรัสตี หรือบุคคลใดซึ่งได้รับมอบหมายให้จัดการกองทรัสต์ กระทำหรือยินยอมให้กระทำการดังต่อไปนี้\n(1) ทำให้เสียหาย ทำลาย เปลี่ยนแปลง ตัดทอน หรือปลอมบัญชี เอกสาร หรือหลักฐานต่าง ๆ ที่เกี่ยวกับการจัดการกองทรัสต์\n(2) ลงข้อความเท็จหรือไม่ลงข้อความสำคัญในบัญชีหรือเอกสารที่เกี่ยวกับการจัดการกองทรัสต์\n(3) ทำบัญชีหรือเอกสารที่เกี่ยวกับการจัดการกองทรัสต์ไม่ครบถ้วน ไม่ถูกต้อง ไม่เป็นปัจจุบัน หรือไม่ตรงต่อความเป็นจริง หรือ\n(4) รับรองเป็นหลักฐานถึงความถูกต้องและครบถ้วนในหนังสือตามมาตรา 26 วรรคหนึ่ง อันเป็นความเท็จ\nถ้ากระทำหรือยินยอมให้กระทำตามวรรคหนึ่งเพื่อลวงให้ทรัสตีหรือผู้รับประโยชน์ขาดประโยชน์อันควรได้ หรือลวงบุคคลใด ๆ ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกินสิบปี หรือปรับไม่เกินสองล้านบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ",
"section_num": "88"
}
] |
เมื่อเลิกบริษัทมหาชนจำกัดต้องส่งเอกสารหลักฐานต่างๆของบริษัทให้แก่ผู้ชำระบัญชีภายในกี่วัน
|
ภายใน 7 วัน คำอธิบายเพิ่มเติม : ตามมาตรา 157 พระราชบัญญัติบริษัทมหาชนจำกัด พ.ศ. 2535 เมื่อมีการเลิกบริษัท ให้คณะกรรมการส่งมอบทรัพย์สิน บัญชี และเอกสารหลักฐานต่าง ๆ ทั้งหมดของบริษัทให้แก่ผู้ชำระบัญชีภายในเจ็ดวันนับแต่วันเลิก
|
[
{
"law_name": "พระราชบัญญัติบริษัทมหาชนจำกัด พ.ศ. 2535",
"section_content": "พระราชบัญญัติบริษัทมหาชนจำกัด พ.ศ. 2535 มาตรา 157 เมื่อมีการเลิกบริษัท ให้คณะกรรมการส่งมอบทรัพย์สิน บัญชี และเอกสารหลักฐานต่าง ๆ ทั้งหมดของบริษัทให้แก่ผู้ชำระบัญชีภายในเจ็ดวันนับแต่วันเลิก",
"section_num": "157"
}
] |
ภายใน 7 วัน
|
[] |
กรณีเข้าทำกิจการแทนผู้อื่นโดยเขาไม่ได้ขอให้ทำหรือไม่มีสิทธิทำ ต้องดำเนินการอย่างไร
|
ต้องจัดการงานไปในทางที่สมประโยชน์ และเป็นไปตามความประสงค์ที่แท้จริงของผู้นั้น คำอธิบายเพิ่มเติม : ตามมาตรา มาตรา 395 ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ บุคคลใดเข้าทำกิจการแทนผู้อื่นโดยเขามิได้ว่าขานวานใช้ให้ทำก็ดี หรือโดยมิได้มีสิทธิที่จะทำการงานนั้นแทนผู้อื่นด้วยประการใดก็ดี ท่านว่าบุคคลนั้นจะต้องจัดการงานไปในทางที่จะให้สมประโยชน์ของตัวการ ตามความประสงค์อันแท้จริงของตัวการ หรือตามที่จะพึงสันนิษฐานได้ว่าเป็นความประสงค์ของตัวการ
|
[
{
"law_name": "ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์",
"section_content": "ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 395\nบุคคลใดเข้าทำกิจการแทนผู้อื่นโดยเขามิได้ว่าขานวานใช้ให้ทำก็ดี หรือโดยมิได้มีสิทธิที่จะทำการงานนั้นแทนผู้อื่นด้วยประการใดก็ดี ท่านว่าบุคคลนั้นจะต้องจัดการงานไปในทางที่จะให้สมประโยชน์ของตัวการ ตามความประสงค์อันแท้จริงของตัวการ หรือตามที่จะพึงสันนิษฐานได้ว่าเป็นความประสงค์ของตัวการ",
"section_num": "395"
}
] |
ต้องจัดการงานไปในทางที่สมประโยชน์ และเป็นไปตามความประสงค์ที่แท้จริงของผู้นั้น
|
[] |
กรรมการตลาดหลักทรัพย์ต้องมีคุณสมบัติอย่างไร
|
ต้องมีคุณสมบัติและไม่มีลักษณะต้องห้ามดังต่อไปนี้ 1. มีสัญชาติไทย 2.ไม่เป็นหรือเคยเป็นบุคคลล้มละลาย 3.ไม่เคยได้รับโทษจำคุกโดยคำพิพากษาถึงที่สุดให้จำคุก เว้นแต่เป็นโทษสำหรับความผิดที่กระทำโดยประมาทหรือความผิดลหุโทษ 4. ไม่เป็นข้าราชการซึ่งมีตำแหน่งหรือเงินเดือนประจำ ข้าราชการการเมือง หรือพนักงานหรือลูกจ้างของหน่วยงานของรัฐหรือรัฐวิสาหกิจ หรือของราชการส่วนท้องถิ่นสมาชิกสภาท้องถิ่นหรือผู้บริหารท้องถิ่นซึ่งได้รับเลือกตั้ง 5. ไม่เป็นผู้ที่พ้นจากตำแหน่งเนื่องจากคณะกรรมการ ก.ล.ต. มีมติให้ออก คำอธิบายเพิ่มเติม : ตามมาตรา มาตรา 160 พระราชบัญญัติหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ พ.ศ. 2535 กรรมการตลาดหลักทรัพย์ต้องมีคุณสมบัติและไม่มีลักษณะต้องห้ามดังต่อไปนี้ (1) มีสัญชาติไทย (2) ไม่เป็นหรือเคยเป็นบุคคลล้มละลาย (3) ไม่เคยได้รับโทษจำคุกโดยคำพิพากษาถึงที่สุดให้จำคุก เว้นแต่เป็นโทษสำหรับความผิดที่กระทำโดยประมาทหรือความผิดลหุโทษ (4) ไม่เป็นข้าราชการซึ่งมีตำแหน่งหรือเงินเดือนประจำ ข้าราชการการเมือง หรือพนักงานหรือลูกจ้างของหน่วยงานของรัฐหรือรัฐวิสาหกิจ หรือของราชการส่วนท้องถิ่นสมาชิกสภาท้องถิ่นหรือผู้บริหารท้องถิ่นซึ่งได้รับเลือกตั้ง (5) ไม่เป็นผู้ที่พ้นจากตำแหน่งเนื่องจากคณะกรรมการ ก.ล.ต. มีมติให้ออก
|
[
{
"law_name": "พระราชบัญญัติหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ พ.ศ. 2535",
"section_content": "พระราชบัญญัติหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ พ.ศ. 2535 มาตรา 160 กรรมการตลาดหลักทรัพย์ต้องมีคุณสมบัติและไม่มีลักษณะต้องห้ามดังต่อไปนี้\n(1) มีสัญชาติไทย\n(2) ไม่เป็นหรือเคยเป็นบุคคลล้มละลาย\n(3) ไม่เคยได้รับโทษจำคุกโดยคำพิพากษาถึงที่สุดให้จำคุก เว้นแต่เป็นโทษสำหรับความผิดที่กระทำโดยประมาทหรือความผิดลหุโทษ\n(4) ไม่เป็นข้าราชการซึ่งมีตำแหน่งหรือเงินเดือนประจำ ข้าราชการการเมือง หรือพนักงานหรือลูกจ้างของหน่วยงานของรัฐหรือรัฐวิสาหกิจ หรือของราชการส่วนท้องถิ่นสมาชิกสภาท้องถิ่นหรือผู้บริหารท้องถิ่นซึ่งได้รับเลือกตั้ง\n(5) ไม่เป็นผู้ที่พ้นจากตำแหน่งเนื่องจากคณะกรรมการ ก.ล.ต. มีมติให้ออก",
"section_num": "160"
}
] |
ต้องมีคุณสมบัติและไม่มีลักษณะต้องห้ามดังต่อไปนี้ 1. มีสัญชาติไทย 2.ไม่เป็นหรือเคยเป็นบุคคลล้มละลาย 3.ไม่เคยได้รับโทษจำคุกโดยคำพิพากษาถึงที่สุดให้จำคุก เว้นแต่เป็นโทษสำหรับความผิดที่กระทำโดยประมาทหรือความผิดลหุโทษ 4. ไม่เป็นข้าราชการซึ่งมีตำแหน่งหรือเงินเดือนประจำ ข้าราชการการเมือง หรือพนักงานหรือลูกจ้างของหน่วยงานของรัฐหรือรัฐวิสาหกิจ หรือของราชการส่วนท้องถิ่นสมาชิกสภาท้องถิ่นหรือผู้บริหารท้องถิ่นซึ่งได้รับเลือกตั้ง 5. ไม่เป็นผู้ที่พ้นจากตำแหน่งเนื่องจากคณะกรรมการ ก.ล.ต. มีมติให้ออก
|
[] |
การกระทำความผิดตามพระราชบัญญัติสัญญาซื้อขายล่วงหน้า พ.ศ. 2546 นอกราชอาณาจักรต้องรับผิดในราชอาณาจักรหรือไม่
|
ต้องรับผิดในราชอาณาจักร หากเป็นการกระทำผิดในมาตรา 92 และมาตรา 94 คำอธิบายเพิ่มเติม : ตามมาตรา 98 พระราชบัญญัติสัญญาซื้อขายล่วงหน้า พ.ศ. 2546 บุคคลใดกระทำความผิดตามมาตรา 92 หรือมาตรา 94 นอกราชอาณาจักร จะต้องรับโทษในราชอาณาจักร และการกระทำของผู้เป็นตัวการ ผู้สนับสนุน หรือผู้ใช้ให้กระทำความผิดนั้น แม้จะกระทำนอกราชอาณาจักรให้ถือว่าตัวการ ผู้สนับสนุน หรือผู้ใช้ให้กระทำความผิดนั้นได้กระทำในราชอาณาจักร ทั้งนี้ ให้นำมาตรา 10 แห่งประมวลกฎหมายอาญามาใช้บังคับโดยอนุโลม
|
[
{
"law_name": "พระราชบัญญัติสัญญาซื้อขายล่วงหน้า พ.ศ. 2546",
"section_content": "พระราชบัญญัติสัญญาซื้อขายล่วงหน้า พ.ศ. 2546 มาตรา 98 บุคคลใดกระทำความผิดตามมาตรา 92 หรือมาตรา 94 นอกราชอาณาจักร จะต้องรับโทษในราชอาณาจักร และการกระทำของผู้เป็นตัวการ ผู้สนับสนุน หรือผู้ใช้ให้กระทำความผิดนั้น แม้จะกระทำนอกราชอาณาจักรให้ถือว่าตัวการ ผู้สนับสนุน หรือผู้ใช้ให้กระทำความผิดนั้นได้กระทำในราชอาณาจักร ทั้งนี้ ให้นำมาตรา 10 แห่งประมวลกฎหมายอาญามาใช้บังคับโดยอนุโลม",
"section_num": "98"
}
] |
ต้องรับผิดในราชอาณาจักร หากเป็นการกระทำผิดในมาตรา 92 และมาตรา 94
|
[
{
"law_name": "พระราชบัญญัติสัญญาซื้อขายล่วงหน้า พ.ศ. 2546",
"section_content": "พระราชบัญญัติสัญญาซื้อขายล่วงหน้า พ.ศ. 2546 มาตรา 92 ห้ามมิให้บุคคลใดไม่ว่าโดยตนเองหรือร่วมกับบุคคลอื่นซื้อขายสัญญาซื้อขายล่วงหน้าหรือเสนอที่จะซื้อขายสัญญาซื้อขายล่วงหน้า ซื้อหรือขายหรือเสนอที่จะซื้อหรือขายสินค้า หรือกระทำการใด ๆ ที่เกี่ยวข้องกับตัวแปร\n(1) เพื่อรักษาระดับราคาสัญญาซื้อขายล่วงหน้าในศูนย์ซื้อขายสัญญาซื้อขายล่วงหน้าให้ไม่ตรงต่อสภาพปกติของตลาด หรือเพื่อทำให้ราคาสัญญาซื้อขายล่วงหน้าใดในศูนย์ซื้อขายสัญญาซื้อขายล่วงหน้าสูงขึ้นหรือต่ำลงอันไม่ตรงต่อสภาพปกติของตลาด หรือ\n(2) อันมีผลหรือน่าจะมีผลเป็นการรักษาระดับราคาสัญญาซื้อขายล่วงหน้าในศูนย์ซื้อขายสัญญาซื้อขายล่วงหน้าให้ไม่ตรงต่อสภาพปกติของตลาด หรือทำให้หรือน่าจะทำให้ราคาสัญญาซื้อขายล่วงหน้าใดในศูนย์ซื้อขายสัญญาซื้อขายล่วงหน้าสูงขึ้นหรือต่ำลงอันไม่ตรงต่อสภาพปกติของตลาด เว้นแต่เป็นการกระทำโดยสุจริตเพื่อปกป้องประโยชน์อันชอบธรรมของตน",
"section_num": "92"
},
{
"law_name": "พระราชบัญญัติสัญญาซื้อขายล่วงหน้า พ.ศ. 2546",
"section_content": "พระราชบัญญัติสัญญาซื้อขายล่วงหน้า พ.ศ. 2546 มาตรา 94 ห้ามมิให้บุคคลใดเพื่อแสวงหาประโยชน์โดยมิชอบจากฐานะสัญญาซื้อขายล่วงหน้าไม่ว่าเพื่อตนเองหรือบุคคลอื่น ทำการกักตุน ทุ่มตลาด ควบคุมหรือกระทำการใด ๆ ต่อสินค้าของสัญญาซื้อขายล่วงหน้าใดที่ได้รับความเห็นชอบให้ซื้อขายในศูนย์ซื้อขายสัญญาซื้อขายล่วงหน้า อันเป็นผลให้สินค้าที่สามารถใช้ส่งมอบตามสัญญาซื้อขายล่วงหน้านั้นมีปริมาณเพิ่มขึ้นหรือลดลงอย่างมีนัยสำคัญ",
"section_num": "94"
}
] |
ใครเป็นผู้แทนของสมาคมในกิจการเกี่ยวกับบุคคลภายนอก
|
คณะกรรมการของสมาคม คำอธิบายเพิ่มเติม : ตามมาตรา 87 ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ คณะกรรมการของสมาคมเป็นผู้แทนของสมาคมในกิจการอันเกี่ยวกับบุคคลภายนอก
|
[
{
"law_name": "ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์",
"section_content": "ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 87\nคณะกรรมการของสมาคมเป็นผู้แทนของสมาคมในกิจการอันเกี่ยวกับบุคคลภายนอก",
"section_num": "87"
}
] |
คณะกรรมการของสมาคม
|
[] |
คนเสมือนไร้ความสามารถให้เช่าอสังหาริมทรัพย์ระยะเวลาเกินกว่า 3 ปีได้หรือไม่
|
ได้ แต่ต้องได้รับความยินยอมของผู้พิทักษ์ก่อน คำอธิบายเพิ่มเติม : ตามมาตรา 34 ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ คนเสมือนไร้ความสามารถนั้น ต้องได้รับความยินยอมของผู้พิทักษ์ก่อนแล้วจึงจะทำการอย่างหนึ่งอย่างใดดังต่อไปนี้ได้ (5) เช่าหรือให้เช่าสังหาริมทรัพย์มีกำหนดระยะเวลาเกินกว่าหกเดือน หรืออสังหาริมทรัพย์มีกำหนดระยะเวลาเกินกว่าสามปี
|
[
{
"law_name": "ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์",
"section_content": "ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 34\nคนเสมือนไร้ความสามารถนั้น ต้องได้รับความยินยอมของผู้พิทักษ์ก่อนแล้วจึงจะทำการอย่างหนึ่งอย่างใดดังต่อไปนี้ได้\n(1) นำทรัพย์สินไปลงทุน\n(2) รับคืนทรัพย์สินที่ไปลงทุน ต้นเงินหรือทุนอย่างอื่น\n(3) กู้ยืมหรือให้กู้ยืมเงิน ยืมหรือให้ยืมสังหาริมทรัพย์อันมีค่า\n(4) รับประกันโดยประการใด ๆ อันมีผลให้ตนต้องถูกบังคับชำระหนี้\n(5) เช่าหรือให้เช่าสังหาริมทรัพย์มีกำหนดระยะเวลาเกินกว่าหกเดือน หรืออสังหาริมทรัพย์มีกำหนดระยะเวลาเกินกว่าสามปี\n(6) ให้โดยเสน่หา เว้นแต่การให้ที่พอควรแก่ฐานานุรูป เพื่อการกุศล การสังคม หรือตามหน้าที่ธรรมจรรยา\n(7) รับการให้โดยเสน่หาที่มีเงื่อนไขหรือค่าภาระติดพัน หรือไม่รับการให้โดยเสน่หา\n(8) ทำการอย่างหนึ่งอย่างใดเพื่อจะได้มาหรือปล่อยไปซึ่งสิทธิในอสังหาริมทรัพย์หรือในสังหาริมทรัพย์อันมีค่า\n(9) ก่อสร้างหรือดัดแปลงโรงเรือนหรือสิ่งปลูกสร้างอย่างอื่น หรือซ่อมแซมอย่างใหญ่\n(10) เสนอคดีต่อศาลหรือดำเนินกระบวนพิจารณาใด ๆ เว้นแต่การร้องขอตามมาตรา 35 หรือการร้องขอถอนผู้พิทักษ์\n(11) ประนีประนอมยอมความหรือมอบข้อพิพาทให้อนุญาโตตุลาการวินิจฉัย\nถ้ามีกรณีอื่นใดนอกจากที่กล่าวในวรรคหนึ่ง ซึ่งคนเสมือนไร้ความสามารถอาจจัดการไปในทางเสื่อมเสียแก่ทรัพย์สินของตนเองหรือครอบครัว ในการสั่งให้บุคคลใดเป็นคนเสมือนไร้ความสามารถ หรือเมื่อผู้พิทักษ์ร้องขอในภายหลัง ศาลมีอำนาจสั่งให้คนเสมือนไร้ความสามารถนั้นต้องได้รับความยินยอมของผู้พิทักษ์ก่อนจึงจะทำการนั้นได้\nในกรณีที่คนเสมือนไร้ความสามารถไม่สามารถจะทำการอย่างหนึ่งอย่างใดที่กล่าวมาในวรรคหนึ่งหรือวรรคสองได้ด้วยตนเอง เพราะเหตุมีกายพิการหรือมีจิตฟั่นเฟือนไม่สมประกอบ ศาลจะสั่งให้ผู้พิทักษ์เป็นผู้มีอำนาจกระทำการนั้นแทนคนเสมือนไร้ความสามารถก็ได้ ในกรณีเช่นนี้ ให้นำบทบัญญัติที่เกี่ยวกับผู้อนุบาลมาใช้บังคับแก่ผู้พิทักษ์โดยอนุโลม\nคำสั่งของศาลตามมาตรานี้ ให้ประกาศในราชกิจจานุเบกษา\nการใดกระทำลงโดยฝ่าฝืนบทบัญญัติมาตรานี้ การนั้นเป็นโมฆียะ",
"section_num": "34"
}
] |
ได้ แต่ต้องได้รับความยินยอมของผู้พิทักษ์ก่อน
|
[] |
ประโยชน์ตอบแทนที่ประธาน ก.ล.ต.และคณะอนุกรรมการได้รับ ถือเป็นค่าใช้จ่ายในการดำเนินงานของสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์หรือไม่
|
ใช่ ประโยชน์ตอบแทนที่ประธาน ก.ล.ต.และคณะอนุกรรมการได้รับ ถือเป็นค่าใช้จ่ายในการดำเนินงานของสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ คำอธิบายเพิ่มเติม : ตามมาตรา 16 พระราชบัญญัติหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ พ.ศ. 2535 ให้ประธานกรรมการ ก.ล.ต. กรรมการ ก.ล.ต. และคณะอนุกรรมการ ได้รับประโยชน์ตอบแทนตามที่รัฐมนตรีกำหนด และให้ถือว่าเป็นค่าใช้จ่ายในการดำเนินงานของสำนักงาน
|
[
{
"law_name": "พระราชบัญญัติหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ พ.ศ. 2535",
"section_content": "พระราชบัญญัติหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ พ.ศ. 2535 มาตรา 16 ให้ประธานกรรมการ ก.ล.ต. กรรมการ ก.ล.ต. และคณะอนุกรรมการ ได้รับประโยชน์ตอบแทนตามที่รัฐมนตรีกำหนด และให้ถือว่าเป็นค่าใช้จ่ายในการดำเนินงานของสำนักงาน",
"section_num": "16"
}
] |
ใช่ ประโยชน์ตอบแทนที่ประธาน ก.ล.ต.และคณะอนุกรรมการได้รับ ถือเป็นค่าใช้จ่ายในการดำเนินงานของสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์
|
[] |
ถ้าผู้กระทำความผิดตามมาตรา 70 และมาตรา 71 พระราชกำหนดการประกอบธุรกิจสินทรัพย์ดิจิทัล พ.ศ. 2561 ได้รับผลประโยชน์จากการกระทำความผิด ต้องเสียค่าปรับอย่างไร
|
ต้องเสียค่าปรับเป็นเงิน ไม่เกิน 2 เท่าของผลประโยชน์ที่ได้รับและค่าปรับดังกล่าวต้องไม่ต่ำกว่าค่าปรับขั้นต่ำที่กำหนดไว้ในมาตรานั้น ๆ คำอธิบายเพิ่มเติม : ตามมาตรา 72 พระราชกำหนดการประกอบธุรกิจสินทรัพย์ดิจิทัล พ.ศ. 2561 กรณีความผิดตามมาตรา 70 หรือมาตรา 71 ในส่วนที่เกี่ยวกับการกำหนดโทษปรับ ถ้าผู้กระทำความผิดได้รับหรือพึงได้รับผลประโยชน์จากการกระทำความผิดนั้น ให้ปรับเป็นเงินไม่เกินสองเท่าของผลประโยชน์ ทั้งนี้ ค่าปรับดังกล่าวต้องไม่ต่ำกว่าค่าปรับขั้นต่ำที่บัญญัติไว้ในมาตรา 70 หรือมาตรา 71 แล้วแต่กรณี
|
[
{
"law_name": "พระราชกำหนดการประกอบธุรกิจสินทรัพย์ดิจิทัล พ.ศ. 2561",
"section_content": "พระราชกำหนดการประกอบธุรกิจสินทรัพย์ดิจิทัล พ.ศ. 2561 มาตรา 72 กรณีความผิดตามมาตรา 70 หรือมาตรา 71 ในส่วนที่เกี่ยวกับการกำหนดโทษปรับ ถ้าผู้กระทำความผิดได้รับหรือพึงได้รับผลประโยชน์จากการกระทำความผิดนั้น ให้ปรับเป็นเงินไม่เกินสองเท่าของผลประโยชน์ ทั้งนี้ ค่าปรับดังกล่าวต้องไม่ต่ำกว่าค่าปรับขั้นต่ำที่บัญญัติไว้ในมาตรา 70 หรือมาตรา 71 แล้วแต่กรณี",
"section_num": "72"
}
] |
ต้องเสียค่าปรับเป็นเงิน ไม่เกิน 2 เท่าของผลประโยชน์ที่ได้รับและค่าปรับดังกล่าวต้องไม่ต่ำกว่าค่าปรับขั้นต่ำที่กำหนดไว้ในมาตรานั้น ๆ
|
[
{
"law_name": "พระราชกำหนดการประกอบธุรกิจสินทรัพย์ดิจิทัล พ.ศ. 2561",
"section_content": "พระราชกำหนดการประกอบธุรกิจสินทรัพย์ดิจิทัล พ.ศ. 2561 มาตรา 70 ผู้ใดฝ่าฝืนมาตรา 40 มาตรา 41 มาตรา 42 มาตรา 45 หรือมาตรา 46 (1) ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกินสองปี หรือปรับตั้งแต่ห้าแสนบาทถึงสองล้านบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ",
"section_num": "70"
},
{
"law_name": "พระราชกำหนดการประกอบธุรกิจสินทรัพย์ดิจิทัล พ.ศ. 2561",
"section_content": "พระราชกำหนดการประกอบธุรกิจสินทรัพย์ดิจิทัล พ.ศ. 2561 มาตรา 71 ผู้ใดฝ่าฝืนมาตรา 46 (2) หรือมาตรา 50 ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกินห้าปี หรือปรับตั้งแต่หนึ่งล้านบาทถึงห้าล้านบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ",
"section_num": "71"
}
] |
สามารถนำทรัสต์มาใช้ในการดำเนินธุรกรรมในตลาดทุนได้หรือไม่
|
ได้ โดยต้องปฏิบัติตามที่กฎหมายกำหนด คำอธิบายเพิ่มเติม : ตามมาตรา 61 พระราชบัญญัติทรัสต์เพื่อธุรกรรมในตลาดทุน พ.ศ. 2550 เพื่อมิให้มีข้อติดขัดตามกฎหมายอื่นเมื่อมีการนำทรัสต์มาใช้ในการดำเนินธุรกรรมในตลาดทุน ให้มีการถือปฏิบัติดังต่อไปนี้ (1) ในกรณีที่ทรัสตีได้จัดทำบัญชีทรัพย์สินและแยกทรัพย์สินในกองทรัสต์ไว้อย่างถูกต้องตามมาตรา 34 มิให้ผู้กำกับดูแลตามกฎหมายที่กำกับดูแลธนาคารพาณิชย์หรือสถาบันการเงิน กฎหมายว่าด้วยหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ และกฎหมายอื่นที่กำหนดเพิ่มเติมโดยกฎกระทรวง นำทรัพย์สินในกองทรัสต์มาพิจารณาหรือคำนวณรวมกับทรัพย์สินที่เป็นส่วนตัวของทรัสตี ในการพิจารณาหน้าที่หรือการปฏิบัติตามกฎหมายดังกล่าวของทรัสตี (2) เพื่อให้เป็นไปตามเจตนารมณ์ของกฎหมายที่กำหนดใน (1) ให้รัฐมนตรีโดยคำแนะนำของผู้กำกับดูแลตามกฎหมายดังกล่าวออกกฎกระทรวงกำหนดการพิจารณาหรือคำนวณทรัพย์สินในกองทรัสต์รวมเป็นทรัพย์สินของผู้รับประโยชน์เพื่อให้มีการปฏิบัติให้เป็นไปตามที่กฎหมายนั้นกำหนดได้
|
[
{
"law_name": "พระราชบัญญัติทรัสต์เพื่อธุรกรรมในตลาดทุน พ.ศ. 2550",
"section_content": "พระราชบัญญัติทรัสต์เพื่อธุรกรรมในตลาดทุน พ.ศ. 2550 มาตรา 61 เพื่อมิให้มีข้อติดขัดตามกฎหมายอื่นเมื่อมีการนำทรัสต์มาใช้ในการดำเนินธุรกรรมในตลาดทุน ให้มีการถือปฏิบัติดังต่อไปนี้\n(1) ในกรณีที่ทรัสตีได้จัดทำบัญชีทรัพย์สินและแยกทรัพย์สินในกองทรัสต์ไว้อย่างถูกต้องตามมาตรา 34 มิให้ผู้กำกับดูแลตามกฎหมายที่กำกับดูแลธนาคารพาณิชย์หรือสถาบันการเงิน กฎหมายว่าด้วยหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ และกฎหมายอื่นที่กำหนดเพิ่มเติมโดยกฎกระทรวง นำทรัพย์สินในกองทรัสต์มาพิจารณาหรือคำนวณรวมกับทรัพย์สินที่เป็นส่วนตัวของทรัสตี ในการพิจารณาหน้าที่หรือการปฏิบัติตามกฎหมายดังกล่าวของทรัสตี\n(2) เพื่อให้เป็นไปตามเจตนารมณ์ของกฎหมายที่กำหนดใน (1) ให้รัฐมนตรีโดยคำแนะนำของผู้กำกับดูแลตามกฎหมายดังกล่าวออกกฎกระทรวงกำหนดการพิจารณาหรือคำนวณทรัพย์สินในกองทรัสต์รวมเป็นทรัพย์สินของผู้รับประโยชน์เพื่อให้มีการปฏิบัติให้เป็นไปตามที่กฎหมายนั้นกำหนดได้",
"section_num": "61"
}
] |
ได้ โดยต้องปฏิบัติตามที่กฎหมายกำหนด
|
[
{
"law_name": "พระราชบัญญัติทรัสต์เพื่อธุรกรรมในตลาดทุน พ.ศ. 2550",
"section_content": "พระราชบัญญัติทรัสต์เพื่อธุรกรรมในตลาดทุน พ.ศ. 2550 มาตรา 34 ให้ทรัสตีจัดทำบัญชีทรัพย์สินของกองทรัสต์แยกต่างหากจากบัญชีอื่น ๆ ของทรัสตี ในกรณีที่ทรัสตีจัดการกองทรัสต์หลายกอง ทรัสตีต้องจัดทำบัญชีทรัพย์สินของกองทรัสต์แต่ละกองแยกต่างหากออกจากกัน ทั้งนี้ โดยต้องบันทึกบัญชีให้ถูกต้องครบถ้วนและเป็นปัจจุบันด้วย\nในการจัดการกองทรัสต์ ทรัสตีต้องแยกกองทรัสต์ไว้ต่างหากจากทรัพย์สินที่เป็นส่วนตัวของทรัสตีและทรัพย์สินอื่นที่ทรัสตีครอบครองอยู่ และในกรณีที่ทรัสตีจัดการกองทรัสต์หลายกอง ทรัสตีต้องแยกกองทรัสต์แต่ละกองออกจากกันด้วย",
"section_num": "34"
}
] |
พาวัวเข้าไปกินหญ้าในที่นาที่หว่านข้าวไว้ได้หรือไม่
|
ไม่ได้ เนื่องจากที่นาดังกล่าวเป็นที่ดินซึ่งที่เพาะปลูกและมีการหว่านข้าวไว้แล้ว คำอธิบายเพิ่มเติม : ตามมาตรา 1353 ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ บุคคลอาจพาปศุสัตว์ของตนผ่านหรือเข้าไปในที่ดินของผู้อื่นซึ่งมิได้กั้นเพื่อไปเลี้ยง และอาจเข้าไปเอาน้ำในบ่อหรือสระในที่เช่นว่านั้นมาใช้ได้ เว้นแต่ที่ดินเป็นที่เพาะปลูก หรือเตรียมเพื่อเพาะปลูก หว่าน หรือมีธัญชาติขึ้นอยู่แล้ว แต่ท่านว่าเจ้าของที่ดินย่อมห้ามได้เสมอ
|
[
{
"law_name": "ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์",
"section_content": "ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1353\nบุคคลอาจพาปศุสัตว์ของตนผ่านหรือเข้าไปในที่ดินของผู้อื่นซึ่งมิได้กั้นเพื่อไปเลี้ยง และอาจเข้าไปเอาน้ำในบ่อหรือสระในที่เช่นว่านั้นมาใช้ได้ เว้นแต่ที่ดินเป็นที่เพาะปลูก หรือเตรียมเพื่อเพาะปลูก หว่าน หรือมีธัญชาติขึ้นอยู่แล้ว แต่ท่านว่าเจ้าของที่ดินย่อมห้ามได้เสมอ",
"section_num": "1353"
}
] |
ไม่ได้
|
[] |
การคิดดอกเบี้ยในตั๋วเงินคิดตั้งแต่วันใด
|
คิดตั้งแต่วันที่ลงในตั๋วเงิน คำอธิบายเพิ่มเติม : ตามมาตรา 911 ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ ผู้สั่งจ่ายจะเขียนข้อความกำหนดลงไว้ว่าจำนวนเงินอันจะพึงใช้นั้นให้คิดดอกเบี้ยด้วยก็ได้ และในกรณีเช่นนั้น ถ้ามิได้กล่าวลงไว้เป็นอย่างอื่น ท่านว่าดอกเบี้ยย่อมคิดแต่วันที่ลงในตั๋วเงิน
|
[
{
"law_name": "ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์",
"section_content": "ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 911\nผู้สั่งจ่ายจะเขียนข้อความกำหนดลงไว้ว่าจำนวนเงินอันจะพึงใช้นั้นให้คิดดอกเบี้ยด้วยก็ได้ และในกรณีเช่นนั้น ถ้ามิได้กล่าวลงไว้เป็นอย่างอื่น ท่านว่าดอกเบี้ยย่อมคิดแต่วันที่ลงในตั๋วเงิน",
"section_num": "911"
}
] |
คิดตั้งแต่วันที่ลงในตั๋วเงิน
|
[] |
เงินที่วางไว้ ณ สำนักงานวางทรัพย์ตาม พระราชบัญญัติบริษัทมหาชนจำกัด พ.ศ. 2535 ตกเป็นของแผ่นดินได้หรือไม่
|
ได้ ในกรณีที่เจ้าหนี้มิได้เรียกเอาเงินนั้นภายใน 5 ปี คำอธิบายเพิ่มเติม : ตามมาตรา 170 วรรค 2 พระราชบัญญัติบริษัทมหาชนจำกัด พ.ศ. 2535 บรรดาเงินที่วางไว้ ณ สำนักงานวางทรัพย์นั้น ถ้าเจ้าหนี้มิได้เรียกเอาภายในห้าปี ให้ตกเป็นของแผ่นดิน
|
[
{
"law_name": "พระราชบัญญัติบริษัทมหาชนจำกัด พ.ศ. 2535",
"section_content": "พระราชบัญญัติบริษัทมหาชนจำกัด พ.ศ. 2535 มาตรา 170 ถ้าเจ้าหนี้ของบริษัทมิได้ยื่นคำทวงหนี้แก่ผู้ชำระบัญชี ให้ผู้ชำระบัญชีวางเงินเท่าจำนวนหนี้ตามที่ปรากฏในบัญชีและเอกสารหลักฐานของบริษัทไว้ ณ สำนักงานวางทรัพย์ตามกฎหมายว่าด้วยการวางทรัพย์สิน และให้ผู้ชำระบัญชีประกาศโฆษณาให้เจ้าหนี้ทราบโดยทางหนังสือพิมพ์\nบรรดาเงินที่วางไว้ ณ สำนักงานวางทรัพย์นั้น ถ้าเจ้าหนี้มิได้เรียกเอาภายในห้าปี ให้ตกเป็นของแผ่นดิน",
"section_num": "170"
}
] |
ได้ ในกรณีที่เจ้าหนี้มิได้เรียกเอาเงินนั้นภายใน 5 ปี
|
[] |
บิดามารดาต้องอุปการะเลี้ยงดูบุตรที่บรรลุนิติภาวะแล้วหรือไม่
|
ไม่ต้อง เว้นแต่บุตรซึ่งบรรลุนิติภาวะนั้นเป็นผู้ทุพพลภาพและหาเลี้ยงตนเองไม่ได้ คำอธิบายเพิ่มเติม : ตามมาตรา 1564 วรรค 2 ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ บิดามารดาจำต้องอุปการะเลี้ยงดูบุตรซึ่งบรรลุนิติภาวะแล้วแต่เฉพาะผู้ทุพพลภาพและหาเลี้ยงตนเองมิได้
|
[
{
"law_name": "ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์",
"section_content": "ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1564\nบิดามารดาจำต้องอุปการะเลี้ยงดูและให้การศึกษาตามสมควรแก่บุตรในระหว่างที่เป็นผู้เยาว์\nบิดามารดาจำต้องอุปการะเลี้ยงดูบุตรซึ่งบรรลุนิติภาวะแล้วแต่เฉพาะผู้ทุพพลภาพและหาเลี้ยงตนเองมิได้",
"section_num": "1564"
}
] |
ไม่ต้อง เว้นแต่บุตรซึ่งบรรลุนิติภาวะนั้นเป็นผู้ทุพพลภาพและหาเลี้ยงตนเองไม่ได้
|
[] |
กรณีมูลนิธิไม่ปฏิบัติตามมาตรา 113 แห่งประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มีความผิดหรือไม่
|
มีความผิดทางพินัย โดยต้องชำระค่าปรับเป็นพินัยไม่เกิน 20,000 บาท และชำระค่าปรับเป็นพินัยอีกวันละไม่เกิน 500 บาท จนกว่าจะได้ปฏิบัติให้ถูกต้อง คำอธิบายเพิ่มเติม : ตามมาตรา 62 พระราชบัญญัติกำหนดความผิดเกี่ยวกับห้างหุ้นส่วนจดทะเบียน ห้างหุ้นส่วนจำกัด บริษัทจำกัด สมาคม และมูลนิธิ พ.ศ. 2499 มูลนิธิใดไม่ปฏิบัติตามมาตรา 113 แห่งประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มีความผิดทางพินัยต้องชำระค่าปรับเป็นพินัยไม่เกินสองหมื่นบาท และชำระค่าปรับเป็นพินัยอีกวันละไม่เกินห้าร้อยบาท จนกว่าจะได้ปฏิบัติให้ถูกต้อง
|
[
{
"law_name": "พระราชบัญญัติกำหนดความผิดเกี่ยวกับห้างหุ้นส่วนจดทะเบียน ห้างหุ้นส่วนจำกัด บริษัทจำกัด สมาคม และมูลนิธิ พ.ศ. 2499",
"section_content": "พระราชบัญญัติกำหนดความผิดเกี่ยวกับห้างหุ้นส่วนจดทะเบียน ห้างหุ้นส่วนจำกัด บริษัทจำกัด สมาคม และมูลนิธิ พ.ศ. 2499 มาตรา 62 มูลนิธิใดไม่ปฏิบัติตามมาตรา 113 แห่งประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มีความผิดทางพินัยต้องชำระค่าปรับเป็นพินัยไม่เกินสองหมื่นบาท และชำระค่าปรับเป็นพินัยอีกวันละไม่เกินห้าร้อยบาท* จนกว่าจะได้ปฏิบัติให้ถูกต้อง",
"section_num": "62"
}
] |
มีความผิดทางพินัย โดยต้องชำระค่าปรับเป็นพินัยไม่เกิน 20,000 บาท และชำระค่าปรับเป็นพินัยอีกวันละไม่เกิน 500 บาท จนกว่าจะได้ปฏิบัติให้ถูกต้อง
|
[
{
"law_name": "ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์",
"section_content": "ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 113\nมูลนิธิต้องใช้ชื่อซึ่งมีคำว่า “มูลนิธิ” ประกอบกับชื่อของมูลนิธิ",
"section_num": "113"
}
] |
คำสลักหลังต้องเขียนลงในตั๋วแลกเงินและลงลายมือขื่อผู้สลักหลังหรือไม่
|
ใช่ ต้องเขียนคำสลักหลังลงในตั๋วแลกเงินและลงลายมือชื่อผู้สลักหลัง คำอธิบายเพิ่มเติม : ตามมาตรา 919 วรรค 1 ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ คำสลักหลังนั้นต้องเขียนลงในตั๋วแลกเงินหรือใบประจำต่อ และต้องลงลายมือชื่อผู้สลักหลัง
|
[
{
"law_name": "ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์",
"section_content": "ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 919\nคำสลักหลังนั้นต้องเขียนลงในตั๋วแลกเงินหรือใบประจำต่อ และต้องลงลายมือชื่อผู้สลักหลัง\nการสลักหลังย่อมสมบูรณ์แม้ทั้งมิได้ระบุชื่อผู้รับประโยชน์ไว้ด้วย หรือแม้ผู้สลักหลังจะมิได้กระทำอะไรยิ่งไปกว่าลงลายมือชื่อของตนที่ด้านหลังตั๋วแลกเงินหรือที่ใบประจำต่อก็ย่อมฟังเป็นสมบูรณ์ดุจกัน การสลักหลังเช่นนี้ท่านเรียกว่า “สลักหลังลอย”",
"section_num": "919"
}
] |
ใช่ ต้องเขียนคำสลักหลังลงในตั๋วแลกเงินและลงลายมือชื่อผู้สลักหลัง
|
[] |
ผู้ขายต้องรับผิดในกรณีที่ทรัพย์สินซึ่งซื้อขายหลุดไปจากผู้ซื้อเพราะการรอนสิทธิหรือไม่
|
ต้องรับผิด ในกรณีที่ทรัพย์สินซึ่งซื้อขายกันหลุดไปจากผู้ซื้อทั้งหมดหรือแต่บางส่วนเพราะเหตุการรอนสิทธิ คำอธิบายเพิ่มเติม : ตามมาตรา 479 ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ ถ้าทรัพย์สินซึ่งซื้อขายกันหลุดไปจากผู้ซื้อทั้งหมดหรือแต่บางส่วนเพราะเหตุการรอนสิทธิก็ดี หรือว่าทรัพย์สินนั้นตกอยู่ในบังคับแห่งสิทธิอย่างหนึ่งอย่างใดซึ่งเป็นเหตุให้เสื่อมราคา หรือเสื่อมความเหมาะสมแก่การที่จะใช้ หรือเสื่อมความสะดวกในการใช้สอย หรือเสื่อมประโยชน์อันจะพึงได้แต่ทรัพย์สินนั้น และซึ่งผู้ซื้อหาได้รู้ในเวลาซื้อขายไม่ก็ดี ท่านว่าผู้ขายต้องรับผิด
|
[
{
"law_name": "ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์",
"section_content": "ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 479\nถ้าทรัพย์สินซึ่งซื้อขายกันหลุดไปจากผู้ซื้อทั้งหมดหรือแต่บางส่วนเพราะเหตุการรอนสิทธิก็ดี หรือว่าทรัพย์สินนั้นตกอยู่ในบังคับแห่งสิทธิอย่างหนึ่งอย่างใดซึ่งเป็นเหตุให้เสื่อมราคา หรือเสื่อมความเหมาะสมแก่การที่จะใช้ หรือเสื่อมความสะดวกในการใช้สอย หรือเสื่อมประโยชน์อันจะพึงได้แต่ทรัพย์สินนั้น และซึ่งผู้ซื้อหาได้รู้ในเวลาซื้อขายไม่ก็ดี ท่านว่าผู้ขายต้องรับผิด",
"section_num": "479"
}
] |
ต้องรับผิด
|
[] |
สัญญาซื้อขายล่วงหน้าที่ดำเนินการผ่านผู้ประกอบธุรกิจสัญญาซื้อขายล่วงหน้ามีผลอย่างไร
|
มีผลผูกพันคู่สัญญา และก่อให้เกิดหนี้ซึ่งอาจเรียกร้องให้ชำระได้ตามกฎหมาย คำอธิบายเพิ่มเติม : ตามมาตรา 5 พระราชบัญญัติสัญญาซื้อขายล่วงหน้า พ.ศ. 2546 ให้สัญญาซื้อขายล่วงหน้าที่ดำเนินการกับหรือผ่านผู้ประกอบธุรกิจสัญญาซื้อขายล่วงหน้า ศูนย์ซื้อขายสัญญาซื้อขายล่วงหน้า หรือสำนักหักบัญชีสัญญาซื้อขายล่วงหน้าเป็นสัญญาที่ผูกพันและก่อให้เกิดหนี้ที่อาจเรียกร้องให้ชำระได้ตามกฎหมาย
|
[
{
"law_name": "พระราชบัญญัติสัญญาซื้อขายล่วงหน้า พ.ศ. 2546",
"section_content": "พระราชบัญญัติสัญญาซื้อขายล่วงหน้า พ.ศ. 2546 มาตรา 5 ให้สัญญาซื้อขายล่วงหน้าที่ดำเนินการกับหรือผ่านผู้ประกอบธุรกิจสัญญาซื้อขายล่วงหน้า ศูนย์ซื้อขายสัญญาซื้อขายล่วงหน้า หรือสำนักหักบัญชีสัญญาซื้อขายล่วงหน้าเป็นสัญญาที่ผูกพันและก่อให้เกิดหนี้ที่อาจเรียกร้องให้ชำระได้ตามกฎหมาย",
"section_num": "5"
}
] |
มีผลผูกพันคู่สัญญา และก่อให้เกิดหนี้ซึ่งอาจเรียกร้องให้ชำระได้ตามกฎหมาย
|
[] |
ผู้ชำระบัญชีบริษัทมหาชนจำกัดต้องส่งสำเนางบดุลและบัญชีกำไรขาดทุนที่ที่ประชุมผู้ถือหุ้นอนุมัติให้แก่นายทะเบียนหรือไม่
|
ต้องส่งให้แก่นายทะเบียน ภายใน 14 วันนับแต่วันที่ที่ประชุมผู้ถือหุ้นอนุมัติ คำอธิบายเพิ่มเติม : ตามมาตรา 166 พระราชบัญญัติบริษัทมหาชนจำกัด พ.ศ. 2535 ผู้ชำระบัญชีต้องส่งสำเนางบดุลและบัญชีกำไรขาดทุนที่ที่ประชุมผู้ถือหุ้นได้อนุมัติแล้ว พร้อมด้วยสำเนารายงานการประชุมผู้ถือหุ้นที่อนุมัติงบดุลและบัญชีกำไรขาดทุนนั้นให้นายทะเบียนภายในสิบสี่วันนับแต่วันที่ที่ประชุมผู้ถือหุ้นอนุมัติ
|
[
{
"law_name": "พระราชบัญญัติบริษัทมหาชนจำกัด พ.ศ. 2535",
"section_content": "พระราชบัญญัติบริษัทมหาชนจำกัด พ.ศ. 2535 มาตรา 166 ผู้ชำระบัญชีต้องส่งสำเนางบดุลและบัญชีกำไรขาดทุนที่ที่ประชุมผู้ถือหุ้นได้อนุมัติแล้ว พร้อมด้วยสำเนารายงานการประชุมผู้ถือหุ้นที่อนุมัติงบดุลและบัญชีกำไรขาดทุนนั้นให้นายทะเบียนภายในสิบสี่วันนับแต่วันที่ที่ประชุมผู้ถือหุ้นอนุมัติ",
"section_num": "166"
}
] |
ต้องส่งให้แก่นายทะเบียน ภายใน 14 วันนับแต่วันที่ที่ประชุมผู้ถือหุ้นอนุมัติ
|
[] |
คณะกรรมการบริษัทมหาชนต้องจัดส่งเอกสารใดบ้างให้ผู้ถือหุ้นพร้อมกับหนังสือนัดประชุมสามัญประจำปี
|
คณะกรรมการบริษัทมหาชนต้องจัดส่งเอกสารดังต่อไปนี้ พร้อมกับหนังสือนัดประชุมสามัญประจำปีให้แก่ผู้ถือหุ้น 1. สำเนางบดุลและบัญชีกำไรขาดทุนที่ผู้สอบบัญชีตรวจสอบแล้ว พร้อมรายงานการตรวจสอบบัญชีของผู้สอบบัญชี 2. เอกสารแสดงรายการตามที่กฎหมายมาตรา 114 (1) และ (2) (ถ้ามี) 3. รายงานประจำปีของคณะกรรมการ คำอธิบายเพิ่มเติม : ตามมาตรา 113 พระราชบัญญัติบริษัทมหาชนจำกัด พ.ศ. 2535 คณะกรรมการต้องจัดส่งเอกสารดังต่อไปนี้ให้ผู้ถือหุ้นพร้อมกับหนังสือนัดประชุมสามัญประจำปี (1) สำเนางบดุลและบัญชีกำไรขาดทุนที่ผู้สอบบัญชีตรวจสอบแล้ว ตามมาตรา 112 พร้อมทั้งรายงานการตรวจสอบบัญชีของผู้สอบบัญชี (2) เอกสารแสดงรายการตามมาตรา 114 (1) และ (2) (ถ้ามี) (3) รายงานประจำปีของคณะกรรมการ
|
[
{
"law_name": "พระราชบัญญัติบริษัทมหาชนจำกัด พ.ศ. 2535",
"section_content": "พระราชบัญญัติบริษัทมหาชนจำกัด พ.ศ. 2535 มาตรา 113 คณะกรรมการต้องจัดส่งเอกสารดังต่อไปนี้ให้ผู้ถือหุ้นพร้อมกับหนังสือนัดประชุมสามัญประจำปี\n(1) สำเนางบดุลและบัญชีกำไรขาดทุนที่ผู้สอบบัญชีตรวจสอบแล้ว ตามมาตรา 112 พร้อมทั้งรายงานการตรวจสอบบัญชีของผู้สอบบัญชี\n(2) เอกสารแสดงรายการตามมาตรา 114 (1) และ (2) (ถ้ามี)\n(3) รายงานประจำปีของคณะกรรมการ",
"section_num": "113"
}
] |
คณะกรรมการบริษัทมหาชนต้องจัดส่งเอกสารดังต่อไปนี้ พร้อมกับหนังสือนัดประชุมสามัญประจำปีให้แก่ผู้ถือหุ้น 1. สำเนางบดุลและบัญชีกำไรขาดทุนที่ผู้สอบบัญชีตรวจสอบแล้ว พร้อมรายงานการตรวจสอบบัญชีของผู้สอบบัญชี 2. เอกสารแสดงรายการตามที่กฎหมายมาตรา 114 (1) และ (2) (ถ้ามี) 3. รายงานประจำปีของคณะกรรมการ
|
[
{
"law_name": "พระราชบัญญัติบริษัทมหาชนจำกัด พ.ศ. 2535",
"section_content": "พระราชบัญญัติบริษัทมหาชนจำกัด พ.ศ. 2535 มาตรา 112 คณะกรรมการต้องจัดให้มีการทำงบดุล และบัญชีกำไรขาดทุน ณ วันสิ้นสุดของรอบปีบัญชีของบริษัทเสนอต่อที่ประชุมผู้ถือหุ้นในการประชุมสามัญประจำปี เพื่อพิจารณาอนุมัติ\nงบดุลและบัญชีกำไรขาดทุนที่จัดทำตามวรรคหนึ่ง หรือจัดทำขึ้นในระหว่างรอบปีบัญชีเพื่อนำเสนอต่อที่ประชุมผู้ถือหุ้นเพื่อพิจารณาอนุมัติ คณะกรรมการต้องจัดให้ผู้สอบบัญชีตรวจสอบงบดุลและบัญชีกำไรขาดทุนนั้นให้เสร็จก่อนนำเสนอต่อที่ประชุมผู้ถือหุ้น",
"section_num": "112"
},
{
"law_name": "พระราชบัญญัติบริษัทมหาชนจำกัด พ.ศ. 2535",
"section_content": "พระราชบัญญัติบริษัทมหาชนจำกัด พ.ศ. 2535 มาตรา 114 ในรายงานประจำปีของคณะกรรมการนั้น อย่างน้อยต้องปรากฏรายงานเกี่ยวกับ\n(1) ชื่อ สถานที่ตั้งสำนักงานใหญ่ ประเภทธุรกิจ จำนวนและชนิดหุ้นทั้งหมดที่ออกจำหน่ายแล้วของบริษัท จำนวนและชนิดหุ้นที่บริษัทถืออยู่ในบริษัทในเครือ (ถ้ามี) ลักษณะของบริษัทที่จะเป็นบริษัทในเครือให้เป็นไปตามที่กำหนดในกฎกระทรวง\n(2) ชื่อ สถานที่ตั้งสำนักงานใหญ่ ประเภทธุรกิจ จำนวนและชนิดหุ้นทั้งหมดที่ออกจำหน่ายแล้ว จำนวนและชนิดหุ้นของบริษัทอื่นหรือบริษัทเอกชนที่บริษัทถือหุ้นอยู่เป็นจำนวนตั้งแต่ร้อยละสิบขึ้นไปของจำนวนหุ้นที่ออกจำหน่ายแล้วของบริษัทอื่นหรือบริษัทเอกชนนั้น (ถ้ามี)\n(3) รายละเอียดที่กรรมการแจ้งต่อบริษัทตามมาตรา 88\n(4) ผลประโยชน์ตอบแทน หุ้น หุ้นกู้ หรือสิทธิประโยชน์อย่างอื่นที่กรรมการได้รับจากบริษัทพร้อมกับระบุชื่อกรรมการซึ่งเป็นผู้ได้รับนั้น\n(5) รายการอย่างอื่นตามที่กำหนดในกฎกระทรวง",
"section_num": "114"
}
] |
คณะกรรมการวินิจฉัยภาษีอากรมีอำนาจวินิจฉัยปัญหาเกี่ยวกับภาษีอากรที่กรมสรรพากรขอความเห็นหรือไม่
|
มีอำนาจวินิจฉัยปัญหาเกี่ยวกับภาษีอากรที่กรมสรรพากรขอความเห็น คำอธิบายเพิ่มเติม : ตามมาตรา 13 สัตต (3) ประมวลรัษฎากร มาตรา 13 สัตต คณะกรรมการตามมาตรา 13 ทวิ มีอำนาจ (3) วินิจฉัยปัญหาเกี่ยวกับภาษีอากรที่กรมสรรพากรขอความเห็น
|
[
{
"law_name": "ประมวลรัษฎากร",
"section_content": "ประมวลรัษฎากร มาตรา 13 สัตต คณะกรรมการตามมาตรา 13 ทวิ มีอำนาจ\n(1) กำหนดขอบเขตในการใช้อำนาจของเจ้าพนักงานประเมินและพนักงานเจ้าหน้าที่\n(2) กำหนดหลักเกณฑ์ วิธีการ และระยะเวลาในการตรวจสอบและประเมินภาษีอากร\n(3) วินิจฉัยปัญหาเกี่ยวกับภาษีอากรที่กรมสรรพากรขอความเห็น\n(4) ให้คำปรึกษาหรือเสนอแนะแก่รัฐมนตรีในการจัดเก็บภาษีอากร\nการกำหนดตาม (1) และ (2) เมื่อได้รับความเห็นชอบจากคณะรัฐมนตรีและประกาศในราชกิจจานุเบกษาแล้ว ให้เจ้าพนักงานประเมินและพนักงานเจ้าหน้าที่ปฏิบัติตาม\nคำวินิจฉัยของคณะกรรมการวินิจฉัยภาษีอากรตาม (3) ให้เป็นที่สุดและในกรณีที่มีการเปลี่ยนแปลงคำวินิจฉัยในภายหลัง คำวินิจฉัยเปลี่ยนแปลงนั้นมิให้มีผลใช้บังคับย้อนหลัง เว้นในกรณีที่มีคำพิพากษาอันถึงที่สุดมีผลเป็นการเปลี่ยนแปลงคำวินิจฉัย ก็ให้เจ้าพนักงานประเมินหรือพนักงานเจ้าหน้าที่มีอำนาจดำเนินการตามคำพิพากษาในส่วนที่เป็นโทษย้อนหลังได้เฉพาะบุคคลซึ่งเป็นคู่ความในคดีนั้น",
"section_num": "13 สัตต"
}
] |
มีอำนาจวินิจฉัยปัญหาเกี่ยวกับภาษีอากรที่กรมสรรพากรขอความเห็น
|
[
{
"law_name": "ประมวลรัษฎากร",
"section_content": "ประมวลรัษฎากร มาตรา 13 เจ้าพนักงานผู้ใดฝ่าฝืนบทบัญญัติมาตรา 10 มีความผิดต้องระวางโทษจำคุกไม่เกินหนึ่งปี หรือปรับไม่เกินสองหมื่นบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ",
"section_num": "13"
}
] |
ผู้จัดการมรดกยกอายุความขึ้นต่อสู้ได้หรือไม่
|
ได้ โดยมีอายุความ 1 ปี คำอธิบายเพิ่มเติม : ตามมาตรา 1755 ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ อายุความหนึ่งปีนั้น จะยกขึ้นต่อสู้ได้ก็แต่โดยบุคคลซึ่งเป็นทายาท หรือบุคคลซึ่งชอบที่จะใช้สิทธิของทายาท หรือโดยผู้จัดการมรดก
|
[
{
"law_name": "ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์",
"section_content": "ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1755\nอายุความหนึ่งปีนั้น จะยกขึ้นต่อสู้ได้ก็แต่โดยบุคคลซึ่งเป็นทายาท หรือบุคคลซึ่งชอบที่จะใช้สิทธิของทายาท หรือโดยผู้จัดการมรดก",
"section_num": "1755"
}
] |
ได้ โดยมีอายุความ 1 ปี
|
[] |
ผู้รับหลักประกันที่ได้รับความยินยอมเป็นหนังสือจากผู้ให้หลักประกันสามารถดำเนินการของจดทะเบียนต่อเจ้าพนักงานทะเบียนได้หรือไม่
|
ได้ คำอธิบายเพิ่มเติม : ตามมาตรา 17 วรรค 1 พระราชบัญญัติหลักประกันทางธุรกิจ พ.ศ. 2558 ให้ผู้รับหลักประกันโดยได้รับความยินยอมเป็นหนังสือจากผู้ให้หลักประกันเป็นผู้ดำเนินการขอจดทะเบียนต่อเจ้าพนักงานทะเบียน
|
[
{
"law_name": "พระราชบัญญัติหลักประกันทางธุรกิจ พ.ศ. 2558",
"section_content": "พระราชบัญญัติหลักประกันทางธุรกิจ พ.ศ. 2558 มาตรา 17 ให้ผู้รับหลักประกันโดยได้รับความยินยอมเป็นหนังสือจากผู้ให้หลักประกันเป็นผู้ดำเนินการขอจดทะเบียนต่อเจ้าพนักงานทะเบียน\nเมื่อได้รับจดทะเบียนตามมาตรา 16 วรรคหนึ่งแล้ว ให้ถือว่าผู้รับหลักประกันเป็นเจ้าหนี้มีประกันตามกฎหมายว่าด้วยล้มละลาย\nในกรณีที่นำกิจการมาเป็นหลักประกัน ผู้รับหลักประกันต้องยื่นหนังสือของผู้รับใบอนุญาตซึ่งยินยอมเป็นผู้บังคับหลักประกันไปพร้อมกับคำขอจดทะเบียน\nหากผู้ให้หลักประกันต้องได้รับความยินยอมจากผู้อนุญาตให้ใช้สิทธิที่เกี่ยวข้องกับการประกอบกิจการก่อนจึงจะโอนสิทธิดังกล่าวให้แก่บุคคลอื่นได้ ผู้รับหลักประกันต้องยื่นหนังสือของผู้อนุญาตให้ใช้สิทธิที่ยินยอมให้ผู้ให้หลักประกันโอนสิทธิดังกล่าวให้แก่บุคคลอื่นได้ต่อเจ้าพนักงานทะเบียนไปพร้อมกับคำขอจดทะเบียนด้วย",
"section_num": "17"
}
] |
ได้
|
[
{
"law_name": "พระราชบัญญัติหลักประกันทางธุรกิจ พ.ศ. 2558",
"section_content": "พระราชบัญญัติหลักประกันทางธุรกิจ พ.ศ. 2558 มาตรา 16 ให้เจ้าพนักงานทะเบียนรับจดทะเบียน แก้ไขรายการจดทะเบียน หรือยกเลิกการจดทะเบียนสัญญาหลักประกันทางธุรกิจตามข้อมูลที่ได้รับแจ้งจากผู้มีหน้าที่ดำเนินการทางทะเบียนตามหมวดนี้ โดยผู้มีหน้าที่ดำเนินการทางทะเบียนเป็นผู้รับผิดชอบความถูกต้องและครบถ้วนของข้อมูลที่ตนเป็นผู้แจ้งนั้น\nในกรณีข้อมูลที่ได้รับแจ้งจากผู้มีหน้าที่ดำเนินการทางทะเบียนมีรายการไม่ครบถ้วนตามมาตรา 18 เจ้าพนักงานทะเบียนต้องไม่รับจดทะเบียน แก้ไขรายการจดทะเบียน หรือยกเลิกการจดทะเบียนสัญญาหลักประกันทางธุรกิจ",
"section_num": "16"
}
] |
กรณีต้องชำระหนี้ที่ต้องเสียดอกเบี้ยและค่าฤชาธรรมเนียมด้วยต้องดำเนินการอย่างไร
|
ต้องชำระค่าฤชาธรรมเนียมก่อน แล้วค่อยชำระดอกเบี้ย คำอธิบายเพิ่มเติม : ตามมาตรา 329 ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ ถ้านอกจากการชำระหนี้อันเป็นประธาน ลูกหนี้ยังจะต้องชำระดอกเบี้ยและเสียค่าฤชาธรรมเนียมอีกด้วยไซร้ หากการชำระหนี้ในครั้งหนึ่ง ๆ ไม่ได้ราคาเพียงพอจะเปลื้องหนี้สินได้ทั้งหมด ท่านให้เอาจัดใช้เป็นค่าฤชาธรรมเนียมเสียก่อนแล้วจึงใช้ดอกเบี้ย และในที่สุดจึงให้ใช้ในการชำระหนี้อันเป็นประธาน ถ้าลูกหนี้ระบุให้จัดใช้เป็นประการอื่น ท่านว่าเจ้าหนี้จะบอกปัดไม่ยอมรับชำระหนี้ก็ได้
|
[
{
"law_name": "ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์",
"section_content": "ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 329\nถ้านอกจากการชำระหนี้อันเป็นประธาน ลูกหนี้ยังจะต้องชำระดอกเบี้ยและเสียค่าฤชาธรรมเนียมอีกด้วยไซร้ หากการชำระหนี้ในครั้งหนึ่ง ๆ ไม่ได้ราคาเพียงพอจะเปลื้องหนี้สินได้ทั้งหมด ท่านให้เอาจัดใช้เป็นค่าฤชาธรรมเนียมเสียก่อนแล้วจึงใช้ดอกเบี้ย และในที่สุดจึงให้ใช้ในการชำระหนี้อันเป็นประธาน\nถ้าลูกหนี้ระบุให้จัดใช้เป็นประการอื่น ท่านว่าเจ้าหนี้จะบอกปัดไม่ยอมรับชำระหนี้ก็ได้",
"section_num": "329"
}
] |
ต้องชำระค่าฤชาธรรมเนียมก่อน แล้วค่อยชำระดอกเบี้ย
|
[] |
การออกหุ้นกู้สามารถจัดให้มีผู้แทนถือหุ้นกู้ได้หรือไม่
|
ได้ โดยต้องแสดงความจำนงในขณะขออนุญาตออกหุ้นกู้ คำอธิบายเพิ่มเติม : ตามมาตรา 49 พระราชบัญญัติหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ พ.ศ. 2535 นการออกหุ้นกู้ลักษณะอื่นนอกจากหุ้นกู้มีประกัน หากผู้ออกหุ้นกู้ประสงค์จะจัดให้มีผู้แทนผู้ถือหุ้นกู้ ผู้ออกหุ้นกู้ต้องแสดงความจำนงในขณะที่ขออนุญาตออกหุ้นกู้และให้นำบทบัญญัติมาตรา 41 มาตรา 42 มาตรา 43 มาตรา 44 มาตรา 45 มาตรา 46 มาตรา 47 และมาตรา 48 รวมทั้งบทกำหนดโทษที่เกี่ยวข้องมาใช้บังคับกับการขออนุญาตการทำข้อกำหนดและสัญญาแต่งตั้งผู้แทนผู้ถือหุ้นกู้ อำนาจหน้าที่ของผู้แทนผู้ถือหุ้นกู้ และการฟ้องร้องบังคับคดีกับผู้แทนผู้ถือหุ้นกู้โดยอนุโลม
|
[
{
"law_name": "พระราชบัญญัติหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ พ.ศ. 2535",
"section_content": "พระราชบัญญัติหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ พ.ศ. 2535 มาตรา 49 ในการออกหุ้นกู้ลักษณะอื่นนอกจากหุ้นกู้มีประกัน หากผู้ออกหุ้นกู้ประสงค์จะจัดให้มีผู้แทนผู้ถือหุ้นกู้ ผู้ออกหุ้นกู้ต้องแสดงความจำนงในขณะที่ขออนุญาตออกหุ้นกู้และให้นำบทบัญญัติมาตรา 41 มาตรา 42 มาตรา 43 มาตรา 44 มาตรา 45 มาตรา 46 มาตรา 47 และมาตรา 48 รวมทั้งบทกำหนดโทษที่เกี่ยวข้องมาใช้บังคับกับการขออนุญาตการทำข้อกำหนดและสัญญาแต่งตั้งผู้แทนผู้ถือหุ้นกู้ อำนาจหน้าที่ของผู้แทนผู้ถือหุ้นกู้ และการฟ้องร้องบังคับคดีกับผู้แทนผู้ถือหุ้นกู้โดยอนุโลม",
"section_num": "49"
}
] |
ได้ โดยต้องแสดงความจำนงในขณะขออนุญาตออกหุ้นกู้
|
[
{
"law_name": "พระราชบัญญัติหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ พ.ศ. 2535",
"section_content": "พระราชบัญญัติหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ พ.ศ. 2535 มาตรา 41 ในการขออนุญาตตามมาตรา 33 เพื่อออกหุ้นกู้มีประกัน ผู้ขออนุญาตต้องดำเนินการดังต่อไปนี้ด้วย\n(1) เสนอร่างข้อกำหนดว่าด้วยสิทธิและหน้าที่ของผู้ออกหุ้นกู้และผู้ถือหุ้นกู้\n(2) เสนอร่างสัญญาแต่งตั้งผู้แทนผู้ถือหุ้นกู้\n(3) ขอความเห็นชอบบุคคลซึ่งมีคุณสมบัติตามที่คณะกรรมการกำกับตลาดทุน ประกาศกำหนดเป็นผู้แทนผู้ถือหุ้นกู้\n(4) ดำเนินการอื่นใดตามที่คณะกรรมการกำกับตลาดทุนประกาศกำหนด\nในกรณีที่บริษัทมหาชนจำกัดจะเสนอขายหุ้นกู้มีประกันที่ออกใหม่ต่อผู้ถือหุ้นซึ่งไม่ต้องขออนุญาตตามมาตรา 33 ให้บริษัทมหาชนจำกัดดำเนินการตามวรรคหนึ่งก่อนการเสนอขายหุ้นกู้ด้วย",
"section_num": "41"
},
{
"law_name": "พระราชบัญญัติหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ พ.ศ. 2535",
"section_content": "พระราชบัญญัติหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ พ.ศ. 2535 มาตรา 42 ข้อกำหนดว่าด้วยสิทธิและหน้าที่ของผู้ออกหุ้นกู้และผู้ถือหุ้นกู้อย่างน้อยต้องมีสาระสำคัญ ดังต่อไปนี้\n(1) สิทธิและเงื่อนไขตามหุ้นกู้\n(2) ผลประโยชน์ตอบแทน\n(3) ทรัพย์สินที่เป็นประกันหรือหลักประกันอื่น\n(4) การแต่งตั้งและอำนาจหน้าที่ของผู้แทนผู้ถือหุ้นกู้\n(5) เงื่อนไขการเปลี่ยนตัวผู้แทนผู้ถือหุ้นกู้\n(6) คำยินยอมของผู้ถือหุ้นกู้ที่จะให้ผู้ออกหุ้นกู้มีประกันแต่งตั้งผู้แทนผู้ถือหุ้นกู้ที่ได้รับความเห็นชอบไว้ตามมาตรา 41 (3)\n(7) คำรับรองของผู้ออกหุ้นกู้มีประกันที่จะจำนอง จำนำ หรือให้หลักประกันอย่างอื่นเพื่อเป็นประกันหุ้นกู้ ภายในระยะเวลาที่กำหนดไว้ตามมาตรา 44\n(8) วิธีการ เวลา และสถานที่สำหรับการชำระหนี้\n(9) วิธีการแปลงสภาพแห่งสิทธิ (ถ้ามี)\n(10) รายการอื่นตามที่คณะกรรมการกำกับตลาดทุนประกาศกำหนด",
"section_num": "42"
},
{
"law_name": "พระราชบัญญัติหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ พ.ศ. 2535",
"section_content": "พระราชบัญญัติหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ พ.ศ. 2535 มาตรา 43 สัญญาแต่งตั้งผู้แทนผู้ถือหุ้นกู้อย่างน้อยต้องมีสาระสำคัญ ดังต่อไปนี้\n(1) อำนาจและหน้าที่ของผู้แทนผู้ถือหุ้นกู้ในการรับจำนอง รับจำนำ หรือรับหลักประกันอย่างอื่น การใช้สิทธิบังคับหลักประกันดังกล่าว หรือการดำเนินการให้ผู้ออกหุ้นกู้มีประกันปฏิบัติให้เป็นไปตามข้อกำหนดที่ทำไว้กับผู้ถือหุ้นกู้ รวมทั้งการเรียกค่าเสียหาย\n(2) อัตราและวิธีการจ่ายค่าตอบแทนและบำเหน็จในการเป็นผู้แทนผู้ถือหุ้นกู้\n(3) รายการอื่นตามที่คณะกรรมการกำกับตลาดทุนประกาศกำหนด",
"section_num": "43"
},
{
"law_name": "พระราชบัญญัติหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ พ.ศ. 2535",
"section_content": "พระราชบัญญัติหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ พ.ศ. 2535 มาตรา 44 เมื่อผู้ออกหุ้นกู้มีประกันได้เสนอขายหุ้นกู้มีประกันต่อผู้ถือหุ้นหรือต่อประชาชนหรือบุคคลใด ๆ แล้ว ให้ผู้ออกหุ้นกู้มีสิทธิและหน้าที่ตามข้อกำหนดตามมาตรา 41 (1) และตามที่บัญญัติไว้ในพระราชบัญญัตินี้ และให้ผู้ออกหุ้นกู้มีประกันแต่งตั้งผู้แทนผู้ถือหุ้นกู้ตามคำยินยอมของผู้ถือหุ้นกู้ พร้อมกับดำเนินการจำนอง จำนำ หรือจัดให้มีหลักประกันอย่างอื่นให้กับผู้แทนผู้ถือหุ้นกู้ดังกล่าวภายในเจ็ดวันนับแต่วันที่ปิดการเสนอขาย",
"section_num": "44"
},
{
"law_name": "พระราชบัญญัติหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ พ.ศ. 2535",
"section_content": "พระราชบัญญัติหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ พ.ศ. 2535 มาตรา 45 ให้ผู้แทนผู้ถือหุ้นกู้มีอำนาจกระทำการในนามของตนเองเพื่อประโยชน์ของผู้ถือหุ้นกู้ทั้งปวงในการรับจำนอง รับจำนำ หรือรับหลักประกันอย่างอื่น การใช้สิทธิบังคับหลักประกันและการดำเนินการให้ผู้ออกหุ้นกู้มีประกันปฏิบัติตามข้อกำหนดที่ให้ไว้กับผู้ถือหุ้นกู้รวมทั้งการเรียกค่าเสียหาย\nการกระทำของผู้แทนผู้ถือหุ้นกู้ตามวรรคหนึ่ง ให้ถือว่าเป็นการกระทำของผู้ถือหุ้นกู้โดยตรง",
"section_num": "45"
},
{
"law_name": "พระราชบัญญัติหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ พ.ศ. 2535",
"section_content": "พระราชบัญญัติหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ พ.ศ. 2535 มาตรา 46 ให้คณะกรรมการกำกับตลาดทุนมีอำนาจประกาศกำหนดหลักเกณฑ์ เงื่อนไขและวิธีการในการกระทำตามอำนาจหน้าที่ของผู้แทนผู้ถือหุ้นกู้ได้",
"section_num": "46"
},
{
"law_name": "พระราชบัญญัติหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ พ.ศ. 2535",
"section_content": "พระราชบัญญัติหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ พ.ศ. 2535 มาตรา 47 นอกจากหน้าที่ตามที่กำหนดไว้ในสัญญาแต่งตั้ง ผู้แทนผู้ถือหุ้นกู้มีหน้าที่ดูแลรักษาประโยชน์ของผู้ถือหุ้นกู้\nในกรณีที่ผู้แทนผู้ถือหุ้นกู้กระทำการ งดเว้นกระทำการ หรือละเลยไม่ปฏิบัติหน้าที่ตามวรรคหนึ่งจนก่อให้เกิดความเสียหายแก่ผู้ถือหุ้นกู้ ให้ผู้ถือหุ้นกู้หรือสำนักงานมีสิทธิฟ้องร้องบังคับคดีกับผู้แทนผู้ถือหุ้นกู้เพื่อประโยชน์ของผู้ถือหุ้นกู้ทั้งปวงได้\nในกรณีที่ผู้ถือหุ้นกู้เป็นผู้ฟ้องร้องบังคับคดี ผู้ถือหุ้นกู้ดังกล่าวต้องมีจำนวนหุ้นกู้มีประกัน หรือได้รับแต่งตั้งจากผู้ถือหุ้นกู้อื่นซึ่งมีจำนวนหุ้นกู้มีประกันรวมกันไม่ต่ำกว่าร้อยละสิบของจำนวนหุ้นกู้มีประกันที่จำหน่ายได้แล้วทั้งหมด",
"section_num": "47"
},
{
"law_name": "พระราชบัญญัติหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ พ.ศ. 2535",
"section_content": "พระราชบัญญัติหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ พ.ศ. 2535 มาตรา 48 ในกรณีที่ผู้แทนผู้ถือหุ้นกู้กระทำความผิดเกี่ยวกับทรัพย์ตามบทบัญญัติในหมวด 1 หมวด 3 หมวด 4 หมวด 5 หรือหมวด 7 ของลักษณะ 12 แห่งประมวลกฎหมายอาญา ให้สำนักงานเป็นผู้เสียหายตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญาด้วย\nในกรณีตามวรรคหนึ่ง เมื่อพนักงานอัยการยื่นฟ้องคดีอาญา ให้พนักงานอัยการมีอำนาจเรียกทรัพย์สินหรือราคาหรือค่าสินไหมทดแทนเพื่อความเสียหายแทนผู้ได้รับความเสียหายด้วย ในการนี้ ให้นำบทบัญญัติว่าด้วยการฟ้องคดีแพ่งที่เกี่ยวเนื่องกับคดีอาญาตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญามาใช้บังคับโดยอนุโลม",
"section_num": "48"
}
] |
การควบบริษัทเข้ากันต้องทำอย่างไร
|
ต้องทำการโฆษณาในหนังสือพิมพ์ และส่งคำบอกกล่าวไปยังเจ้าหน้าที่ของบริษัทเพื่อให้ทราบถึงการควบบริษัท เข้ากัน ซึ่งเจ้าหนี้อาจคัดค้านการควบบริษัทได้ ภายใน 60 วันนับแต่วันที่บอกกกล่าว คำอธิบายเพิ่มเติม : ตามมาตรา 1240 ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ บริษัทต้องโฆษณาในหนังสือพิมพ์แห่งท้องที่อย่างน้อยหนึ่งคราว และส่งคำบอกกล่าวไปยังบรรดาผู้ซึ่งบริษัทรู้ว่าเป็นเจ้าหนี้ของบริษัท บอกให้ทราบรายการที่ประสงค์จะควบบริษัทเข้ากัน และขอให้เจ้าหนี้ผู้มีข้อคัดค้านอย่างหนึ่งอย่างใดในการควบบริษัทเข้ากันนั้นส่งคำคัดค้านไปภายในหกสิบวันนับแต่วันที่บอกกล่าว ถ้าไม่มีใครคัดค้านภายในกำหนดเวลาเช่นว่านั้น ก็ให้พึงถือว่าไม่มีคัดค้าน ถ้าหากมีเจ้าหนี้คัดค้าน บริษัทจะจัดการควบเข้ากันมิได้ จนกว่าจะได้ใช้หนี้หรือได้ให้ประกันเพื่อหนี้ราย
|
[
{
"law_name": "ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์",
"section_content": "ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1240\nบริษัทต้องโฆษณาในหนังสือพิมพ์แห่งท้องที่อย่างน้อยหนึ่งคราว และส่งคำบอกกล่าวไปยังบรรดาผู้ซึ่งบริษัทรู้ว่าเป็นเจ้าหนี้ของบริษัท บอกให้ทราบรายการที่ประสงค์จะควบบริษัทเข้ากัน และขอให้เจ้าหนี้ผู้มีข้อคัดค้านอย่างหนึ่งอย่างใดในการควบบริษัทเข้ากันนั้นส่งคำคัดค้านไปภายในหกสิบวันนับแต่วันที่บอกกล่าว\nถ้าไม่มีใครคัดค้านภายในกำหนดเวลาเช่นว่านั้น ก็ให้พึงถือว่าไม่มีคัดค้าน\nถ้าหากมีเจ้าหนี้คัดค้าน บริษัทจะจัดการควบเข้ากันมิได้ จนกว่าจะได้ใช้หนี้หรือได้ให้ประกันเพื่อหนี้รายนั้น",
"section_num": "1240"
}
] |
ต้องทำการโฆษณาในหนังสือพิมพ์ และส่งคำบอกกล่าวไปยังเจ้าหน้าที่ของบริษัทเพื่อให้ทราบถึงการควบบริษัท เข้ากัน ซึ่งเจ้าหนี้อาจคัดค้านการควบบริษัทได้ ภายใน 60 วันนับแต่วันที่บอกกกล่าว.
|
[] |
Subsets and Splits
No community queries yet
The top public SQL queries from the community will appear here once available.